[HiddlesWorth Fanfiction] Little boy the series – April fools’ day

Title: Little boy the series – April fools’ day (Black & White Day Special)
Pairing: Chris Hemsworth x Tom Hiddleston ft. Benedict Cumberbatch x Martin Freeman
Author: Babibubell

 

Talk: เชื่อมั้ยว่ามันเป็นฟิควันโกหกที่ผ่านมา ก๊ากกกกกกกกกกกกก (มีหน้ามาขำ) ค่อยๆ ทยอยใช้หนี้ที่คั่งค้างไปเรื่อยๆ นะก๊ะ T v T แล้วก็…ถ้าใครยังไม่ได้อ่านตอนปกติหรืออ่านแต่ลืมไปแล้ว รบกวนกลับไปอ่านก่อนนะก๊าบบบ จะได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น (เหรอ?) ชื่อตอน Little boy the series – Black & White Day

 

 

 

เสียงดนตรีดังขึ้นท่ามกลางความสงบเงียบภายในหอพัก มือใหญ่ควานแปะป่ายไปยังด้านขวาของเตียง โดยที่ใบหน้าหล่อเหลายังคงหันไปด้านตรงข้าม โทรศัพท์มือถือแผดเสียงร้องนานขึ้นเรื่อยๆ จนชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงนั้นรู้สึกรำคาญใจ แต่ความง่วงงุนก็เอาชนะทุกอย่าง เพราะที่เขาพยายามจะหาเจ้าเครื่องมือสื่อสารนั่นไม่ใช่ว่าตั้งใจจะรับสายหรอกนะ แต่ตั้งใจจะกดปิดเสียงแล้วนอนต่อต่างหาก

 

 

 

ในที่สุดความพยายามก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อเขาคว้าเจ้าโทรศัพท์มือถือนั่นมาได้ก่อนที่มันจะสั่นจนเคลื่อนที่ตกโต๊ะข้างหัวเตียงไป ตอนแรกกะว่าจะกดปุ่มวางสายซะหน่อย แต่พอเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์เท่านั้นแหละ ดวงตาสีฟ้าใสก็เบิกกว้างก่อนจะกระเด้งตัวผึงขึ้นมาอย่างตกอกตกใจ

 

 

 

‘LOKI <3’

คือชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอขณะนี้

 

 

 

แน่นอนว่า โทรศัพท์ของอีกฝ่ายก็บันทึกชื่อเขาเอาไว้ว่า THOR เช่นกัน แต่ไม่มีหัวใจต่อท้ายแบบเขาหรอกนะ แค่กว่าจะตื๊อให้บันทึกชื่อนี้ได้ก็ออดอ้อนแทบเป็นแทบตาย แต่สาบานได้เลยว่า หากทอม ฮิดเดิลสตันเผลอวางมือถือทิ้งไว้เมื่อไร เทพเจ้าสายฟ้าคนนี้แหละ จะรีบไปเติมหัวใจต่อท้ายชื่อทันที

 

 

 

“ทอม!”

 

 

 

ว่าแล้วก็รีบถลาลุกพรวดพราดลงจากเตียงไปอย่างรวดเร็ว เรียวขายาวในกางเกงวอร์มผ้าหนาดูอบอุ่นก้าวยาวๆ ไปยังห้องที่อยู่ติดกันด้วยความร้อนรน มือใหญ่ตั้งใจจะกระหน่ำเคาะประตูห้องอีกฝ่าย เพราะลางสังหรณ์เขาบอกว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ ไม่งั้นคนตัวบางไม่โทรหาเขาตอนกลางดึกกลางดื่นทั้งๆ ที่ห้องอยู่ติดกันแบบนี้หรอก

 

 

 

ตึงตึงตึง

 

 

 

“ทอม!”

 

 

 

กระหน่ำกำปั้นรัวไปสามที ก่อนจะตามด้วยเสียงใหญ่ๆ ที่ตะโกนเรียกชื่อเจ้าของห้อง แต่ก็ยังไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา พอเป็นแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ คริส เฮมส์เวิร์ธ ร้อนใจมากขึ้นไปอีก หรือว่าทอมจะโดนคนชั่วปีนหน้าต่างบุกเข้ามาปล้นทรัพย์ แต่พอเห็นหน้าทอมแล้วก็คิดเปลี่ยนใจจะปล้นสวาททำมิดิมิร้ายแทน โธ่…ตอนนี้ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไง ไอ้โจรบ้าหื่นกามนั่นจะหักหาญน้ำใจคนตัวบางของเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ไม่นะ! ขาอ่อนทอมเขายังไม่ทันจะเห็นด้วยซ้ำ จะให้ใครหน้าไหนมาดูตัดหน้าไปได้ยังไง ม่าย!!!

 

 

 

“คริส”

 

 

 

“ม่าย!!!”

 

 

 

ทอมกำลังเรียกชื่อเรา เราต้องรีบเข้าไปช่วยแล้ว!

 

 

 

ว่าแล้วก็ถอยหลังออกมาตั้งหลัก หวังว่าจะเอาไหล่หนาๆ ใหญ่ๆ นั่นดันประตูให้เจ๊งกันไปข้างหนึ่ง แต่มาคิดอีกที ดันประตูแบบนั้นเวลาเข้าไปด้านในจะดูไม่ค่อยเท่เท่าไหร่ เพราะงั้นเปลี่ยนเป็นใช้เท้าถีบประตูให้เปิดออกแล้วตะโกนว่า FBI!!! แบบในซีรีส์ดีกว่า ดูมาดแมนและเท่กว่ากันเยอะเลย

 

 

 

คิดได้ดังนั้น คริส เฮมส์เวิร์ธก็เตรียมจะวิ่งไปยังประตูที่แสนเคราะห์ร้ายเพราะกำลังจะโดนเท้าใหญ่ๆ นั่นถีบ เขาถกขากางเกงขึ้น ย่อตัวต่ำ ใบหน้ามุ่งมั่นมองตรงไปข้างหน้า เตรียมตัว ระวัง ไป!

 

 

 

“คริส!”

 

 

 

เอี๊ยด! เบรกตัวซะล้อฟรีเลย

 

 

 

คนที่กำลังจะวิ่งนั้นหันกลับไปมองด้านหลังช้าๆ ตามต้นเสียง แล้วเขาก็พบกับร่างบางๆ ที่ในใจมันกำลังเป็นกังวลอยู่ในตอนนี้

 

 

 

ทอม ฮิดเดิลสตันนั่งไขว่ห้างเป็นนางพญาพลางทำตาปริบๆ มองมายังคนตัวใหญ่ที่กำลังจะกระโดดถีบประตูห้องเขาอยู่ ในมือนั้นถือโทรศัพท์มือถือสีดำเอาไว้ด้วย ใบหน้ามีเสน่ห์ติดออกจะง่วงงุนเล็กน้อยนั่นขมวดคิ้วอย่างสงสัย

 

 

 

ไอ้พ่อหมีนั่นเป็นอะไร?

 

 

 

“อ้าว…ทอม นายไม่ได้โดนโจรปล้ำ เอ้ย! โจรปล้น เอ้ย! เอาเป็นว่า นายไม่ได้อยู่ในห้องนอนหรอกเหรอ? แล้วนั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้วง่ะ”

 

 

 

ร่างสูงชี้นิ้วสลับไปมาระหว่างประตูห้องนอนกับคนตัวบางที่นั่งอยู่บนโซฟา พูดผิดพูดถูกอยู่หลายรอบจนคนที่ได้ฟังหรี่ตาลงมองด้วยสายตาจับผิด หมอนี่ถูกปลุกกลางดึกแค่นี้ทำเป็นเมาขี้ตาไปได้

 

 

 

“เป็นอะไรของนาย พูดผิดๆ ถูกๆ ฉันไม่ได้อยู่ในห้องนอน นั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้ว นานพอจะเห็นนายวิ่งพรวดพราดออกมาจากห้อง แล้วก็ทำท่าเหมือนจะพังประตูห้องฉันเข้าไปด้านในอย่างนั้นแหละ เกลียดชะมัด พวกนักกีฬาตัวใหญ่ชอบใช้กำลัง”

 

 

 

อ่า…นี่โทรปลุกเขามาเพื่อต่อว่าใช่มั้ยเนี่ย?

 

 

 

“แล้วจะยืนบื้ออยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย?”

 

 

 

สิ้นเสียงทุ้มติดจะหวานที่บ่นออกมาราวกับว่ากำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง คนตัวโตเดินคอตกมาทิ้งตัวแหมะลงบนโซฟาที่ว่างข้างๆ กายคนตัวบาง ไหล่หนาใหญ่ที่คิดจะใช้กระแทกประตูเมื่อสักครู่นี้ห่อเหี่ยวลงจนทำให้นักกีฬารักบี้ของมหา’ลัยดูตัวเล็กลงไปยังไงก็ไม่รู้

 

 

 

“เอ้า เอาไป”

 

 

 

มือขาวยื่นโทรศัพท์เครื่องสีดำของเจ้าตัวมาอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรนอกจากเบนหน้ามามองใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ สลับกับเจ้าเครื่องมือสื่อสารในมือด้วยความสงสัย ยื่นให้ทำไม? โทรศัพท์เสียจะให้เขาซ่อมหรือ? หรือว่า…

 

 

 

จะยอมให้เขาเติมหัวใจ <3 ต่อท้ายชื่อ THOR แล้ว!

 

 

 

คิดได้ดังนั้น ไอ้อาการดีใจจนออกนอกหน้ามันก็ออกนอกหน้าสมชื่อจริงๆ เพราะคนตัวบางที่นั่งอยู่ข้างๆ พอเห็นแบบนั้นก็รีบชักมือกลับเอาโทรศัพท์มาไว้แนบอก ก่อนจะตีหน้าขรึม ทำตาโตดุใส่ เล่นเอาคริส เฮมส์เวิร์ธหงอ (อีกรอบ) ไปโดยปริยาย

 

 

 

“เบนส่งข้อความมาบอกว่า ‘มีเรื่องจะเคลียร์กับคริส’ น่ะ”

 

 

 

“หา?”

 

 

 

“ไม่หงไม่หาล่ะ นายแอบมีความลับอะไรกับเบนที่ฉันไม่รู้ห๊ะ? บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”

 

 

 

ไม่พูดเปล่า ทอม ฮิดเดิลสตันคาดคั้นเอ่ยถามพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ทำเอาคนตัวใหญ่ผงะตกใจเอนหลังไปโดยอัตโนมัติ เขาจะไปมีความลับอะไรกับไอ้มนุษย์หุ่นยนต์ไร้หัวจิตหัวใจนั่นได้ ทอมเอาความเชื่อผิดๆ นี่มาจากไหนกันเนี่ย

 

 

 

แล้วหน้าน่ะ อย่ายื่นเข้ามาใกล้มากได้มั้ย? เกิดผีผลักแล้วปากเขาไปชนกับปากทอม แล้วเขาเอนตัวลงไปทับทอมบนโซฟา แล้วก็เลยเถิดต่อไปเรื่อยๆ จะทำไงล่ะ ฮึ้ย…

 

 

 

“มะ…ไม่มี้! ฉันจะไปมีความลับอะไรกับนายได้ มีแต่นายนั่นแหละ ชอบแอบหนีไปดินเนอร์กับเบนแล้วทิ้งฉันอยู่หอคนเดียวน่ะ ฉันน้อยใจนะ เชอะ”

 

 

 

พอเห็นอาการยู่ปาก กอดอก สะบัดหน้าหนีไปทางอื่นแบบเด็กน้อยแสนงอนแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ ถ้าคนตัวเล็กๆ น่ารักๆ อย่างศาสตราจารย์มาร์ตินทำก็ว่าไปอย่าง แต่นี่อะไร…ตัวใหญ่อย่างกับฮัลค์ยักษ์เขียว ทำแล้วมันน่าหมั่นไส้มากกว่าน่าเอ็นดูนะ

 

 

 

ว่าแล้วมือบางก็เอื้อมออกไปผลักหัวทองๆ นั่นให้หงายเงิบเสียหนึ่งที

 

 

 

“ไม่มีก็ไม่มี อย่าให้ฉันรู้ทีหลังนะ น่าดู เอ้า! เอาโทรศัพท์ไปโทรคุยกับเบนให้รู้เรื่อง เสร็จแล้วเอามาคืนที่ห้องด้วยนะ ฉันง่วง จะนอนแล้ว อย่าคุยนานล่ะ”

 

 

 

สั่งจบ ร่างบางก็สะบัดหน้าพรืดก่อนจะลุกจากโซฟาเดินเข้าห้องนอนที่อยู่ข้างๆ ห้องของชายหนุ่มผมทองไป ดวงตาสีฟ้าสวยมองจนแผ่นหลังเล็กๆ นั่นหายเข้าไปในห้องพลางทำปากขมุบขมิบทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียนคนตัวบาง

 

 

 

“เสร็จแล้วเอามาคืนที่ห้องด้วยนะ ฉันง่วง จะนอนแล้ว อย่าคุยนานล่ะ เฮอะ แล้วไม่คิดว่าคนหล่อคนนี้ก็ง่วงรึไงกัน ไอ้หัวหยิกนั่นก็จะเคลียร์อะไรไม่รู้จักเวล่ำเวลาเลย พับผ่าสิ รีบคุยรีบเคลียร์จะได้รีบเอาโทรศัพท์ไปคืนทอมใน…ห้อง… อะเด๊ะ?”

 

 

 

เรียวคิ้วสวยเลิกขึ้นทันทีเมื่อคิดเอะใจอะไรบางอย่าง ทอมเข้าไปนอนรอเราเอาโทรศัพท์ไปคืนในห้อง! อะฮ้า…แบบนี้มันเปิดโอกาส ทอดสะพาน เย้ายวน เชิญชวน และอะไรต่อมิอะไรให้เราชัดๆ!

 

 

 

คิดได้ดังนั้น คริส เฮมส์เวิร์ธก็รีบกดโทรศัพท์ออกไปหาพ่อเชอร์ล็อก โฮล์มส์แห่งศตวรรษที่ 21 ทันที

 

 

 

“เฮ้ เบน มีอะไร”

 

 

 

ถามเข้าใจความตรงประเด็นไม่มีอ้อมค้อม ตอนนี้เวลาเป็นเงินเป็นทอง ชักช้าอาจจะไม่ทันกินก็เป็นได้

 

 

 

“ฉันจะส่งบิลไปเรียกเก็บเงินจากนาย”

 

 

 

อีกฝ่ายก็ตอบกลับตรงประเด็นแบบไม่มีอ้อมค้อมเหมือนกัน แต่บอกเลยว่า เป็นคำตอบที่งงมาก

 

 

 

“หา? นายว่าอะไรนะ?”

 

 

 

คิ้วขมวดมุ่นกว่าเดิม บิล? บิลอะไร? บิลโบ แบกกินส์รึ? (แป้กจ้า)

 

 

 

“…ก็…มันไม่ได้ผล”

 

 

 

“อะไรไม่ได้ผล? นายเรียนพิเศษกับศาสตราจารย์มากไปจนสมองเพี้ยนเปล่าเนี่ย”

 

 

 

“ก็ไอ้แผนการกุหลาบดอกเดียวแต่ให้ทุกวันของนายยังไงเล่า นี่ฉันให้กุหลาบมาร์ตินมาตั้งแต่วันที่ 19 กุมภา จนกระทั่งวันนี้ 1 เมษา รวมทั้งหมด 42 วัน เป็นดอกกุหลาบแดง 41 ดอก แต่พรุ่งนี้ฉันจะเอาดอกกุหลาบแดงไปให้มาร์ตินอีกดอกนึง เพราะฉะนั้นทั้งหมดเป็น 42 ดอก ส่วนวันนี้เป็นดอกกุหลาบขาว 1 ดอก สรุปทั้งหมดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่บิลจะไปเรียกเก็บที่นายนะ”

 

 

 

โอ้โห ร่ายยาวรัวเร็วขนาดนี้ คิดว่าคนออสเตรเลียอย่างเขาจะฟังทันมั้ย? บอกเลยว่าทอมพูดแล้วน่าฟังกว่าเยอะ! แล้วไอ้เสียงทุ้มต่ำงึมงำในลำคอเนี่ย ขายเท่าไหร่กัน จะเหมาให้หมด จะได้พูดรู้เรื่องกว่านี้

 

 

 

“ดะดะเดี๋ยวเซ่! ไหน นายลองบอกมาซิว่า ศาสตราจารย์เค้าว่ายังไงบ้าง”

 

 

 

“…”

 

 

 

“ไม่ต้องเขินหรอกน่า บอกมา เดี๋ยวฉันตัดสินใจเองว่ามันได้ผลหรือมันแป้ก”

 

 

 

“มาร์ตินบอกว่าเกลียด”

 

 

 

“หือ?”

 

 

 

“มาร์ตินบอกว่าเกลียดอกกุหลาบที่ฉันเอาไปให้เขาทั้งหมดเลย”

 

 

 

“อ้าว ถ้างั้นพรุ่งนี้จะเอาไปให้อีกทำไมล่ะ”

 

 

 

ศาสตราจารย์นี่ก็เพี้ยนตามเจ้าบ้านี่ไปด้วยเหรอ?

 

 

 

“ก็…มาร์ตินบอกว่าเกลียด เกลียดมากๆ ด้วย แล้วก็ไล่ฉันกลับบ้าน แต่ก่อนกลับมาร์ตินก็บอกว่า ‘พรุ่งนี้อย่าลืมซื้อดอกกุหลาบมาให้อีกนะ’ ฉันงงไปหมดแล้ว ตกลงเกลียดหรือชอบกันแน่ นายรู้รึเปล่าคริส มาร์ตินเก็บดอกกุหลาบที่ฉันให้ไว้ทุกดอกเลยนะ แต่พอวันนี้ฉันถาม ก็กลับบอกว่าเกลียด แต่ดันบอกให้พรุ่งนี้ซื้อมาอีก เฮ้อ ฉันงงไปหมดแล้ว ไม่เข้าใจมาร์ตินเลยสักนิด”

 

 

 

โถๆๆๆ น่าสงสารจริงๆ เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์เอ๋ย… นี่ซื่อจริงไม่ได้แกล้งโง่ใช่มั้ยเนี่ย…

 

 

 

“นายนี่นะ เฮ้อ เขาถึงว่าอัจฉริยะกับบ้องตื้นมันมีแค่เส้นบางๆ คั่นเอาไว้”

 

 

 

“เขาพูดว่า อัจฉริยะกับคนบ้า ต่างหาก”

 

 

 

“เออ เอาน่ะ มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ แต่สรุปแล้ว เอาเป็นว่า แผนนี้มันเวิร์ค”

 

 

 

“เวิร์ค? เวิร์คยังไง? มาร์ตินบอกว่าเกลียดนี่นะเวิร์ค? นายอย่ามาโยกโย้จะไม่จ่ายค่ากุหลาบเลยนะคริส ฉันรู้ทันหรอก”

 

 

 

“บ๊ะ! บอกว่าเวิร์คก็เวิร์คสิ นายรู้รึเปล่าทำไมศาสตราจารย์ถึงเก็บดอกกุหลาบนายไว้ทุกดอก?”

 

 

 

“…”

 

 

 

“แล้วนายรู้รึเปล่าทำไมพรุ่งนี้ศาสตราจารย์ถึงให้นายซื้อกุหลาบไปให้อีก?”

 

 

 

“…”

 

 

 

“ก็เพราะเค้าชอบมันยังไงเล่า!”

 

 

 

“ชอบบ้าอะไร มาร์ตินบอกว่าเกลียด”

 

 

 

“ตกลงนี่นายบ้องตื้นจริงๆ ใช่มั้ย”

 

 

 

“…”

 

 

 

“วันนี้วันอะไร?”

 

 

 

“2 เมษา”

 

 

 

“โอ๊ย…นี่ฉันถูกปลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อมาโดนทอมด่าและมานั่งคุยโทรศัพท์กับคนบ้าใช่มั้ยเนี่ย”

 

 

 

ยกมือขยี้ขยุ้มผมตัวเองยกใหญ่ อยากจะเอาหัวโขกโต๊ะตายให้รู้แล้วรู้รอด ฮื้อ ชีวิตคริส เฮมส์เวิร์ธ

 

 

 

“เอ้า ก็ตอนนี้มันเที่ยงคืนสองนาที สามสิบเจ็ดวินาที โอเคตอนนี้สามสิบแปดแล้ว มันก็ถือเป็นวันที่ 2 สิ หรือว่านายหมายถึงวันที่ 1 เมษา ถ้างั้นนายก็ต้องพูดว่าเมื่อวานนะ ไม่ใช่วันนี้”

 

 

 

“คร้าบ คร้าบ คร้าบ…พ่ออัจฉริยะ แล้วคุณเชอร์ล็อก โฮล์มส์แห่งศตวรรษที่ 21 รู้รึเปล่าครับว่า วันที่ 1 เมษาเป็นวันอะไร?”

 

 

 

“รู้สิ ทำไมจะไม่รู้”

 

 

 

“…”

 

 

 

อ๊ะ ก็ฉลาดสมฉายาและหน้าตาเหมือนกันนี่หว่า

 

 

 

“วันที่ 1 เมษาเป็นวันที่ซามูเอล มอรีย์จดสิทธิบัตรเครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน”

 

 

 

“หา?”

 

 

 

ถอนคำพูดตอนนี้ยังทันมั้ยครับ!

 

 

 

“แล้วก็เป็นวันที่พระมหากษัตริย์ของประเทศไทยประกาศเลิกทาสด้วยนะ”

 

 

 

“หา? โอย…”

 

 

 

“อ้าว ไม่ใช่เหรอ งั้นก็เป็นวันที่สตีฟ จอบส์ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล”

 

 

 

“ไปกันใหญ่แล้ว”

 

 

 

“งั้น…เป็นวันที่ทหารสหรัฐฯ ยกพลขึ้นบกที่เกาะโอกินาวะของญี่ปุ่น ในสงครามโลกครั้งที่สอง”

 

 

 

“ฉันจะวางหูล่ะนะ”

 

 

 

“เฮ้ๆๆ งั้นเป็นวันที่อังกฤษประกาศใช้อัตราค่าแรงขั้นต่ำเป็นครั้งแรกเอ้า!”

 

 

 

“โอ๊ย…หยุดเลยพ่อวิกิพิเดีย รู้เยอะซะเปล่าแต่ไม่เป็นประโยชน์เลย ให้ตายเหอะ!”

 

 

 

“…”

 

 

 

“เฮ้อ เอพริลฟูลส์เดย์น่ะรู้จักมั้ย? เอพริลฟูลส์เดย์น่ะ”

 

 

 

“อ้อ นายหมายถึงไอ้เทศกาลไร้สาระนั่นน่ะเหรอ ฉันไม่เก็บเอามาจำให้รกพื้นที่สมองหรอก”

 

 

 

“วะ ก็เพราะนายเป็นคนแบบนี้น่ะสิเลยไม่เข้าใจศาสตราจารย์สักที”

 

 

 

“หืม? เกี่ยวอะไร?”

 

 

 

“เฮ้อ เอาเป็นว่า วันนี้-”

 

 

 

“เมื่อวาน”

 

 

 

“เออๆ เมื่อวานก็เมื่อวาน โวะ คุยกับคนแบบนายนี่มันเหนื่อยจริงๆ ก็เมื่อวานศาสตราจารย์บอกว่าเกลียดใช่มั้ยล่ะ แสดงว่าศาสตราจารย์กำลังโกหก เขาหลอกนายต่างหากล่ะ”

 

 

 

“…”

 

 

 

“ที่เขาเก็บดอกกุหลาบ ที่บอกให้ซื้อมาให้อีก นั่นเป็นเพราะเขาชอบไงเล่า เข้าใจรึยังพ่ออัจฉริยะ เพราะมันเป็นวันที่ 1 เมษา เขาก็เลยพูดอะไรที่ไม่เป็นความจริงได้ ทีนี้รู้รึยังว่าทำไมต้องใส่ใจเทศกาลไร้สาระด้วย มันมีประโยชน์มากกว่าวันจดสิทธิบัตรของสตีฟ จอบส์ที่เกาะโอกินาวะอีกนะ”

 

 

 

“มันเป็นวันที่ซามูเอล มอรีย์จดสิทธิบัตรเครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน แล้วก็เป็นวันที่สตีฟ จอบส์ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล กับวันที่ทหารสหรัฐฯ ยกพลขึ้นบกที่เกาะโอกินาวะของญี่ปุ่น ในสงครามโลกครั้งที่สองต่างหาก นายนี่มันมั่วจริงๆ เลยคริส”

 

 

 

“โอเคๆ ถึงยังไงคนมั่วแบบฉันก็ไม่ต้องเสียค่าดอกกุหลาบแล้วล่ะนะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้อย่าลืมเอาดอกกุหลาบไปให้ศาสตราจารย์ด้วยล่ะ แค่นี้นะ บาย”

 

 

 

คนตัวใหญ่รีบเอ่ยตัดจบอย่างรวดเร็ว นิ้วเรียวกดปุ่มวางสายแล้วยกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ในที่สุดการเจรจาอันยาวนานก็จบลงเสียที คริส เฮมส์เวิร์ธจ้องมองประตูห้องนอนบานเล็กของทอมด้วยสายตาเปล่งประกายวิบวับ เวลาที่รอคอยมาถึงแล้ว ป่านนี้ทอมจะหลับรึยังนะ หรือยังนอนรอเขาเอาโทรศัพท์ไปคืนอยู่ ไม่ได้การละ งั้นเราต้องรีบเผด็จศึก!

 

 

 

เพราะฉะนั้นจะรอช้าอยู่ไย…

 

 

 

ได้โอกาสแบบนี้ ต้องรีบเติมหัวใจ <3 ต่อท้ายชื่อ THOR ในโทรศัพท์ของทอมแล้วล่ะ!

 

 

 

 

 

The End

 

 

 

 

 

Talk again: จบแล้วค่ะ ไม่มี (รึเปล่า?) ไม่มี คอนตินิว ไม่มี NC ต่อท้าย ไม่ต้องเมล์มาขอหลังไมค์นะ (ฮ่าาา มุกนะคะมุก อย่าถือคนบ้าอย่าว่าติ่งค่ะ) พออ่านจบแล้วคงจะมีแต่ … ในหัวสินะคะ T w T ตอนแต่งก็รู้สึกจะมีแต่ … ในหัวเหมือนกันค่ะ ฮื้อออ orz

11 thoughts on “[HiddlesWorth Fanfiction] Little boy the series – April fools’ day

  1. โด่ นึกว่าจะแน่ บุกเข้าห้องทอมไรงี้ ที่ไหนได้กล้าแค่ใส่หัวใจหลังชื่อ ป็อดนี่หว่า ชิชิ

    พี่เบนคะ เกรียนและเนิร์ดได้ใจจริงๆ ไม่ไหวเลย แล้วดันมาเจอคนซึนๆ แบบศจ.จะไปดันรอดไหมเนี่ย 5555555

  2. กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก
    อิพี่เบนคนซื่ออออออ (บื้อ!)
    รู้ดีทุกอย่างราวกับเอนไซด์โครพีเดีย แต่ดั๊นนน ไม่จำวันเอพพลิวฟลูเดย์ 55555555

    สรุปว่าแผนของอิพี่หมีมันประสบผลนะพี่เบนนะ
    แบบนี้ต้องขอบคุณมันนะเว้ย ไม่ใช่ส่งบิลเรียกเก็บเงินค่ากุหลาบ!

    คนอะไรวะคะ อัฉจริยะซะเปล่าแต่ดันซื่อบื้อเรื่องความรัก แถมยังงกอี๊กกก 5555555

    ส่วอิพี่คริสหมี….
    บอกตรงๆ ว่าอ่านเรื่องนี้แล้วหมั่นไส้มันมากกกก
    แต่ละอย่างที่คิดอยู่ในหัวนี่น่าตบสุดๆ อ่ะ

    กร๊ากกกกกกกกก แล้วไอ้เติมรูปหัวใจท้ายชื่อนั่นมันอะร๊ายยยย??!!!! 5555555

    ขอบคุณสำหรับฟิควันโกหกนะคะ
    ปล.เรารอฟิควันเกิดน้องอินเดียอยู่นะ อย่าลืมๆ หุหูหุหุ

    • ไม่ใช่ไม่จำนะ จำได้ แต่มันไร้สาระ รกสมองก็เท่านั้น (เบเนดิกต์ไม่ได้กล่าวไว้ บูเบลกล่าวเอง ฮ่าาาา)

      พี่คริสหล่อ อย่าโกรธพี่คริสนะ อุฮิๆๆ ><

  3. อ้าว พี่คริสกับพี่ทอมเป็นเมทกันหรอกเหรอคะ สาบานว่าชักลืมเรื่องของคู่นี้ไปแล้วตั้งแต่แรกหงะ แง๊ เพราะพีเบล พี่เบลทำให้น้องสับสนงงงวยว่าตอนไหนมันเป็นตอนไหน ฮ่าาาาา

    ว่าแต่ว่า…. ไอ้พี่เบนทำไมมันโง่วววววววววววววววววววววววววววววววววววว ในเรื่องที่ไม่ควรจะโง่แบบนี้ วันเอพริวฟูลเดย์มันไม่ได้รัไร้สาระขนาดจำไม่ได้นะเฟ้ย สมน้ำหน้าโดนคุณครูขาหลอก สมน้ำหน้า แบร่ๆๆๆๆๆ

    ปล. ฟิคยูจีนหละคะ ฟิคยูจีนหละะะะ

  4. โอ๊ยยยยยย คริสคุยกะเบนเป็นอะไรที่ฮามากค่ะ

    อีกคนนึงที่ดูมีความรู้ก็ซื่อไปปป จำอะไรรกๆสมองได้ก็ดีนะคะเบนน
    คริสนี่ก็แบบ..รีบร้อน เราก็นึกว่าจะไปทำอะไรทอมม

    แหม่! ไปเติมหัวใจหลังชื่อThor ฟฟฟฟฟ ใส ซื่อ(บื้อ)จริงๆเลยน้อออ

    ทอมแอบมีหวงหน่อยๆ คริสตอนงอนนี่นึกถึงภาพหมีงอนขอน้ำผึ้งเลยค่ะ 5555
    ดูเหมือนจะน่ารักอยู่นะ ทอมก็พูดเกินไปหรอกกก แต่มาร์ตินอาจจะเหมาะกว่าจริงๆ(เอ๊ะ เอาไงงง)

ใส่ความเห็น