[HiddlesWorth Fanfiction] Iwish the series – E8 My father is GOD E02

Title : Iwish the series – E8 My father is GOD E02

Pairing : Chris Hemsworth x Tom Hiddleston and Little Iwish 

Author : Babibubell

Talk : แด่วันเกิด (เลทๆ) ของน้องอินเดีย T^T จะมีครั้งไหนมั่งมั้ยที่ลงตรงวัน? อะฮื้อ… ป.ล. ใส่เป็น E8 นะ จะได้รู้ว่าตอนเดียวกัน เอิ๊กๆ (เริ่มงงอีกละชั้น ฮื้อ)

 

 

 

 

 

เสียงดนตรีบรรเลงดังขึ้นคลอเคลียกับเสียงพูดคุยในร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง สีขาวสะอาดตาตัดกับสีฟ้าอ่อนและสีกรมท่าเข้มทำให้บรรยากาศในร้านดูผ่อนคลายสมกับที่เป็นร้านอาหารสำหรับครอบครัวยิ่งนัก แต่ท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กจอแจกลับมีอยู่โต๊ะหนึ่งที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันแสนอึดอัด ดีว่าได้ความน่ารักของเด็กน้อยทั้งสองคนช่วยไว้ ไม่งั้นบรรยากาศคงน่าสะพรึงไปกว่านี้

 

 

 

เด็กน้อยผมสีน้ำตาลเข้มดูขยุกขยุยกำลังพยายามใช้ส้อมตัดเค้กช็อกโกแลตชิ้นใหญ่แล้วตักใส่ปากตัวเอง เธอนั่งอยู่บนตักชายหนุ่มผมดำที่เคาะนิ้วเป็นจังหวะไปมาบนโต๊ะพลางทำหน้าบึ้งตึงอยู่ ตรงข้ามกับเขาเป็นเด็กน้อยผมทองที่กำลังพยายามจิ้มลูกเบอร์รีสีเข้มที่มากับบลูเบอร์รีชีสเค้กก้อนโตเช่นกัน และเธอก็นั่งอยู่บนตักชายหนุ่มที่มีผมสีเดียวกับเธอ ซึ่งรูปร่างของเขาก็ออกใหญ่โตแท้ๆ แต่กลับนั่งจ๋องไหล่ห่อคอตกก้มหน้านิ่งเหมือนกำลังสำนึกผิดอะไรบางอย่างอยู่

 

 

 

“ป๊ะป๋าคะ อินเดียจิ้มบลูเบอร์รีได้แย้ว หนูเก่งมั้ยคะ?”

 

 

 

สิ้นคำว่า ‘ป๊ะป๋า’ นิ้วเรียวที่เคาะเป็นจังหวะก็หยุดลงทันที เจ้าของเรือนผมดำตวัดสายตาคมดุกลับไปมองยังคนตัวใหญ่ที่สะดุ้งเฮือกทันทีก่อนจะนั่งไหล่ห่อลงกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัว

 

 

 

“กะ…เก่งมากจ้ะ อินเดียของป๊ะป๋า”

 

 

 

เด็กน้อยผมน้ำตาลทองฉีกยิ้มร่าด้วยความดีใจ หัวกลมๆ ที่เงยขึ้นมองหน้าป๊ะป๋าอยู่เมื่อกี้เบนความสนใจกลับมายังเจ้าบลูเบอร์รีชีสเค้กดังเดิม เจ้าผลไม้ลูกกลมนั้นถูกส่งเข้าปากเล็กๆ ไป ก่อนจะพยายามออกแรงทั้งหมดตัดเค้กชิ้นโตนั่นให้เป็นคำพอทานได้ แต่ก็ดูเหมือนว่าเจ้าแครกเกอร์ด้านล่างจะแข็งเกินกำลังเธอไปหน่อย

 

 

 

“ฮึบบบ”

 

 

 

อินเดียออกเสียงฮึบดังลั่นเป็นนัยว่าจะช่วยออกแรงได้ดียิ่งขึ้น เห็นดังนั้นคนตัวใหญ่จึงอดใจไม่ไหว ยื่นมือมาช่วยเด็กน้อยทันที คริสขอส้อมคันเล็กในมือเด็กหญิงมาก่อนจะออกแรงเพียงนิดก็ตัดเค้กชิ้นนั้นเป็นชิ้นเล็กพอดีคำได้ ท่ามกลางสายตาวิบวับของเด็กหญิงผมบลอนด์ที่นั่งมองมือคุณพ่อปฏิบัติภารกิจด้วยความตื่นตาตื่นใจ เสียงเปาะแปะตบมือดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยอาการอ้าปากกว้างและส่งเสียงอ้าลากยาวรอป๊ะป๋าตัวใหญ่ป้อนขนมหวานให้

 

 

 

ภาพตรงหน้าอยู่ในคลองสายตาของชายหนุ่มผมดำมาโดยตลอด ยิ่งมอง ทอม ฮิดเดิลสตันก็ยิ่งอดน้อยใจไม่ได้ เกือบเก้าเดือนที่อยู่ร่วมห้องกันมา ไม่มีเลยสักครั้งที่เขาจะนึกเอะใจว่าชายหนุ่มมีลูกมีเมียแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ! ไม่โสดแถมยังมาจีบเขาอีกต่างหาก ผู้ชายที่ชื่อ คริส เฮมส์เวิร์ธนี่มันยังไงกัน

 

 

 

เรียวคิ้วสวยขมวดมุ่นกับภาพครอบครัวสุขสันต์ตรงหน้า นัยน์ตาหวานหม่นแสงลงอย่างคนเศร้าหมอง ตอนนี้สมองกับหัวใจกำลังตีกันนัวไปหมด ใจหนึ่งก็คิดอยากจะตัดความสัมพันธ์กับชายหนุ่มรุ่นน้องคนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด เพราะไม่อยากได้ชื่อว่าทำลายครอบครัวคนอื่นและแย่งของของใคร แต่อีกใจมันก็นึกถวิลหา เกือบหนึ่งปีที่คบกันมา ความผูกพันมันรัดแน่นเหลือเกิน ความต้องการครอบครองคนตรงหน้ามันมากเกินจะเก็บกักไว้

 

 

 

“อ๊ะ!”

 

 

 

เสียงทุ้มติดจะหวานอุทานออกมาทันทีที่ครีมสีน้ำตาลเข้มถูกป้ายลงที่แก้มนวลใส พร้อมๆ กับเสียงหัวเราะคิกคักที่ดังขึ้น พอก้มมองลงไปยังต้นเสียง หลานสาวคนเก่งของเขาก็ยิ้มเผล่พลางปรบมือเปาะแปะชอบอกชอบใจ

 

 

 

“แกล้งอาทำไมคะไอวิช”

 

 

 

คนเป็นอาไม่ได้ถือโทษโกรธเด็กน้อย ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกดีที่หลานสาวดึงเขาให้หลุดจากภวังค์นั่นและกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง

 

 

 

หนูน้อยผมสีน้ำตาลเข้มหยักยุ่งใช้มือเล็กๆ เท้าลงกับโต๊ะตัวใหญ่ ก่อนจะยันตัวขึ้นยืนบนตักคุณอาหนุ่ม หันหน้ามาสบดวงตาสีเขียวหม่นหมองนั่น นิ้วป้อมยื่นไปเกลี่ยครีมละมุนสีช็อกโกแลตออกจากแก้มคนตัวโตกว่า พลางเอ่ยเหตุผลของการกระทำตน

 

 

 

“ไอวิชไม่ได้แกล้งอาทอมนะคะ แต่ไอวิชไม่ชอบเลยที่อาทอมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนี้ ไอวิชก็เลยจะป้อนเค้กคุณอาค่ะ”

 

 

 

เด็กน้อยหมุนตัวหันหน้าเข้าหาโต๊ะอีกครั้ง เธอย่อตัวลงแล้วใช้ส้อมตักเค้กช็อกโกแลตนุ่มๆ ขึ้นมา ก่อนจะยื่นมันไปจ่อตรงหน้าคุณอาคนเก่งของเธอ

 

 

 

“อ้าาา”

 

 

 

ไม่ป้อนเปล่า มีการออกเสียงเป็นตัวกระตุ้นด้วย

 

 

 

ทอม ฮิดเดิลสตันเห็นพฤติกรรมน่ารักๆ ของหลานสาวแล้วก็ระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย เสียงถอนหายใจดังขึ้นก่อนจะส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดู ริมฝีปากอิ่มสวยอ้าออกรอรับเค้กช็อกโกแลตชิ้นเล็ก ไม่นานมันก็เข้าปากไปด้วยฝีมือของเด็กหญิงไอวิช

 

 

 

“เย้! อาหย่อยมั้ยคะอาทอม”

 

 

 

“อาหย่อยค่ะไอวิช”

 

 

 

เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นระหว่างอาหลาน ทำลายบรรยากาศมาคุที่รายล้อมให้ทลายลงไปได้เกือบหมด เว้นเสียแต่ว่าชายหนุ่มผมทองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นทำแก้มอูมอย่างขัดใจยกใหญ่

 

 

 

คริส เฮมส์เวิร์ธมองภาพตรงหน้าด้วยความอิจฉา จริงๆ ต้องเป็นเขาไม่ใช่เหรอที่ป้อนเค้กให้คนตัวบางนั่น ไม่ใช่หลานสาวหัวขยุกขยุยอะไรนั่นซะหน่อย

 

 

 

คิดแล้วก็น้อยใจอยู่ไม่ใช่น้อย คบกันมาเกือบเก้าเดือน เขาไม่เห็นรู้เลยว่าทอมมีหลานสาวที่คนตัวบางรับเป็นผู้ปกครองแบบนี้น่ะ ไม่สิ ไม่ใช่แค่เรื่องหลานสาว แต่เขาแทบไม่รู้เรื่องของทอมเลยสักนิด พ่อแม่ชื่ออะไร เกิดที่เมืองไหน มีพี่น้องกี่คน ในขณะที่ทอมรู้ข้อมูลของเขาหมดตั้งแต่วันแรกๆ ที่เจอกัน

 

 

 

เอ่อ…ไม่หมดสินะ ยกเว้นเรื่อง อินเดีย โรส เฮมส์เวิร์ธ ที่เขายังไม่ได้บอกทอมออกไป เพราะถ้าร่างเพรียวรู้แล้วคงไม่มานั่งตีหน้ายักษ์ใส่เขาอยู่แบบนี้หรอก เฮ้อ…

 

 

 

“เฮ้ย”

 

 

 

เสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างตกใจขึ้นมาเบาๆ เมื่อแก้มสากๆ ที่พองลมอยู่เมื่อครู่ถูกปลายส้อมเล็กจิ้มเอาอย่างไม่แรงนัก แค่พอสะดุ้งสะเทือนเท่านั้น คนที่ถูกเรียกว่าป๊ะป๋าก้มมองไปยังลูกสาวคนเก่งก็พบกับรอยยิ้มกว้างขวางจนตาตี่ลง ในมือของเธอกำส้อมเอาไว้แน่น

 

 

 

เด็กน้อยหยัดตัวขึ้นยืนบ้าง ก่อนจะหันหน้าเข้าหาชายหนุ่ม แก้มของคริส เฮมส์เวิร์ธถูกจิ้มด้วยส้อมปลายแหลมอีกครั้งพร้อมกับเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจของหนูน้อยผมสีน้ำตาลทอง

 

 

 

“อ๊า อินเดียแกล้งป๊ะป๋าทำไมคะ”

 

 

 

“อินเดียไม่ได้แกล้งป๊ะป๋านะคะ แต่เมื่อกี้แก้มป๊ะป๋าบวมตุ่ยเป็นปลาปั๊กกาเป้าเลย หนูก็เลยจะทำให้แก้มป๊ะป๋าหายบวมค่ะ”

 

 

 

โดยการเอาส้อมจิ้มแก้มป๊ะป๋าเนี่ยนะ…

 

 

 

ฉลาดได้พ่อเลยลูก

 

 

 

“สม…อยากสอนให้ลูกชอบใช้กำลังดีนัก โดนซะบ้าง จะได้ไม่สอนลูกให้ไปแกล้งใครอีก”

 

 

 

เสียงหวานแผ่วลอยตามลมมาเบาๆ ดวงตาสีฟ้าใสตวัดมองไปยังคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ทอม ฮิดเดิลสตันก็ทำเฉไฉโดยแสร้งยกถ้วยชาขึ้นมาจิบพลางเสตามองไปทางอื่นเป็นนัยว่าไม่รู้ไม่ชี้

 

 

 

พอเจ้าตัวเล็กที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นใบหน้าขาวๆ มุ่ยลงก็ชอบอกชอบใจยกใหญ่ เพราะมันดูเหมือนตัวละครในหนังที่เธอชอบน่ะสิ

 

 

 

“ป๊ะป๋าขา ป๊ะป๋าต้องเอาน้องโลกิมาอยู่กับเราให้ได้นะคะ หนูอยากเล่นกับน้องโลกิแบบไอวิชบ้าง ไอวิชมีน้องโลกิเล่นคนเดียว อินเดียไม่ยอมนะคะ”

 

 

 

เจ้าตัวเล็กยืดตัวมากระซิบข้างหูบอกความประสงค์ เรียกรอยยิ้มแหยๆ ให้ประดับอยู่บนใบหน้าหล่อๆ ได้เป็นอย่างดี ก็นะ…น้องโลกิจะไม่มาอยู่กับป๊ะป๋าก็เพราะหนูยังเรียกป๊ะป๋าๆ อยู่แบบนี้นั่นแหละ

 

 

 

ดูสิ…จนป่านนี้ยังไม่ยอมมองหน้า ไม่ยอมคุยกับเขาดีๆ เลยด้วยซ้ำ

 

 

 

“โอ๊ย!”

 

 

 

เสียงทุ้มต่ำอุทานอีกครั้ง คราวนี้มันดังกว่าคราวที่แล้วบ่งบอกถึงความรุนแรงของส้อมที่ใช้จิ้มมากกว่าเดิม แม่หนูน้อยคนเก่งพอเห็นคนเป็นพ่อร้องก็รีบทิ้งส้อมในมือพร้อมๆ กับทิ้งตัวนั่งลงบนตักผู้เป็นพ่อทันที

 

 

 

แก้มของคริส เฮมส์เวิร์ธถูกฝากรอยรักจากฝีมือลูกน้อยเอาไว้ รอยแผลเป็นเส้นบางยาวๆ มีเลือดสีแดงซึมตามออกมาอีกนิดหน่อย มันเล็กน้อยเสียจนเจ้าตัวยังไม่กังวลเลยด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนว่าใครอีกคนจะไม่ได้คิดแบบนั้น

 

 

 

เคยห่วงยังไง ก็ยังคงห่วงอยู่อย่างนั้น

 

 

 

ผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดถูกยื่นมาอยู่ตรงหน้าคนเจ็บ ชายหนุ่มผมทองไล่มองตามมือที่ถือมันไว้ เรื่อยขึ้นไปถึงใบหน้าของคนฟอร์มจัดที่เบือนหน้าแดงๆ หนีไปทางอื่น ไม่ยอมหันมองเขาเลยสักนิด

 

 

 

ทอมยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยให้จนสุดแขน เมื่อเห็นว่านานแล้วแต่อีกฝ่ายยังไม่ยอมรับไปสักทีจึงสะบัดมือไปมาพร้อมส่งเสียง ‘อื้อ’ เร่งเร้าในลำคอ

 

 

 

แต่ถึงกระนั้น คริส เฮมส์เวิร์ธก็ยังไม่ยอมรับมันไป

 

 

 

ดวงตาไร้เดียงสาของเด็กน้อยผมหยักยุ่งมองพฤติกรรมผู้ใหญ่ด้วยความสงสัย เธอเงยหน้ามองคุณอาของเธอที หันไปมองป๊ะป๋าธอร์ของเด็กหญิงอินเดียที สมองน้อยๆ กำลังคิดแบบสิบแปดตลบว่าผู้ใหญ่สองคนนี้กำลังทำอะไรกัน คุณอาทอมให้ผ้าเช็ดหน้าแล้วทำไมป๊ะป๋าของอินเดียถึงไม่รับไปสักที แถมมีแผลแท้ๆ แต่กลับยิ้มระรื่นเหมือนสอบได้ที่หนึ่งแบบนั้นแหละ ไอวิชไม่เข้าใจ

 

 

 

หรือโตแล้วเป็นแผลจะไม่เจ็บ?

 

 

 

“อื้อ!”

 

 

 

เสียงเข้มๆ เร่งเร้าให้อีกฝ่ายรับผ้าเช็ดหน้าไปอีกครั้ง หยุดความคิดของหนูน้อยไอวิชลง แต่มันก็ไม่ได้หยุดความสงสัย ดวงตาสีเข้มของเธอยังคงมองการกระทำของผู้ใหญ่ทั้งสองคนอยู่ เพราะอย่างที่บอก คริส เฮมส์เวิร์ธไม่ยอมรับมันไปง่ายๆ หรอกนะ ก็ทอมอุตส่าห์เหมือนจะใจอ่อนทั้งที ก็ขอเล่นตัวดึงเชงกันเสียหน่อย

 

 

 

“ถ้าเป็นห่วงขนาดนั้น ทำไมไม่มาเช็ดเองล่ะ”

 

 

 

สิ้นประโยค ดวงหน้าขาวที่ซับสีเลือดเล็กน้อยก็หันขวับมาเผชิญหน้าด้วยความหมั่นไส้ และยิ่งหมั่นไส้มากไปอีกเมื่อเห็นไอ้คนเจ็บที่เขาอุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใยนั่น นั่งเท้าคาง ยิ้มแป้นแล้น ทำหน้าทะเล้นส่งให้อยู่น่ะสิ ให้ตายเหอะ! ผู้ชายชื่อคริสนี่เป็นคนยังไงกัน!

 

 

 

ผัวะ!

 

 

 

“ฮ่าๆๆ”

 

 

 

ด้วยความหงุดหงิดผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเลยถูกเจ้าของขว้างไปใส่คนหน้าเป็นทันที เรียกเสียงหัวเราะทั้งจากคุณพ่อตัวใหญ่ และคุณลูกตัวจ้อยที่ผ้าเช็ดหน้าเจ้ากรรมดันหล่นแหมะอยู่บนหัวกลมๆ นั่นพอดี

 

 

 

“คิกๆ อินเดียเช็ดให้ป๊ะป๋าเองค่ะ”

 

 

 

มือป้อมๆ หยิบผ้าผืนเล็กออกจากศีรษะก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วถูผ้าผืนนั้นลงไปบนแก้มสากๆ ของคุณพ่ออย่างเต็มแรง เล่นเอาคนตัวโตร้องเสียงหลง เพราะนอกจากจะเช็ดไม่โดนแผลแล้วยังจิ้มจมูกจิ้มปากเขาอีกต่างหาก ทีนี้เลยได้ขำกันยกใหญ่

 

 

 

คนตัวบางที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกอดเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนตักแน่นขึ้น วงแขนกระชับรอบลำตัวสั้นๆ พลางวางคางลงบนศีรษะเล็กๆ ดวงตาสีเขียวสวยมองภาพตรงหน้าแล้วสะท้อนใจอีกครั้ง เขาจะจัดการกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ยังไงดี

 

 

 

“ชื่อ…”

 

 

 

“หือ?”

 

 

 

ในที่สุดเสียงหวานก็ตัดสินใจเอ่ยคำถามที่ทำร้ายจิตใจตัวเองไม่น้อย หากแต่ความรู้สึกก็กลับอยากรู้คำตอบของคำถามนี้อยู่เหมือนกัน ว่าผู้หญิงที่แสนโชคดีคนนั้นที่ได้ครอบครองตัวและหัวใจของผู้ชายที่แสนอ่อนโยนคนนี้คือใคร เขาจะรู้จักไหมนะ

 

 

 

“ชื่ออะไร”

 

 

 

คนได้ฟังคำถามขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย มือใหญ่จับมือลูกน้อยให้หยุดเช็ดหน้าตนก่อนจะสอดมือไปใต้รักแร้แล้วหมุนตัวให้เด็กหญิงผมทองหันหน้าเข้าโต๊ะอีกครั้ง

 

 

 

“ชื่อ? ชื่ออะไร? ชื่อฉันน่ะเหรอ ก็ชื่อคริสไง คริสโตเฟอร์ อยู่ด้วยกันจะครบปีล่ะนะ นายยังจำไม่ได้อีกเหรอทอม”

 

 

 

ตอบด้วยน้ำเสียงและหน้าตาใสซื่อ จนคนได้ฟังคิดจะโกรธแต่ก็โกรธไม่ลง ก็แววตาหมาสงสัยแบบนี้ใครไม่ใจอ่อนก็บ้าแล้ว

 

 

 

“นายนี่โง่หรือโง่เนี่ย ฉันจะถามชื่อนายไปทำไมล่ะ ฉันหมายถึงชื่อนี่…”

 

 

 

เอ่ยพลางบุ้ยปากไปยังเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังละเลงบลูเบอร์รีชีสเค้กด้วยมือป้อมๆ ทั้งสองข้าง แก้มสีชมพูระเรื่อถูกแต่งแต้มด้วยสีม่วงเข้มของบลูเบอร์รี

 

 

 

สีเดียวกับที่ป๊ะป๋าธอร์ระบายลงบนผ้าขาวเลย

 

 

 

พอเห็นอาการบุ้ยใบ้ของคนตัวบาง ไอ้แววตาหมาสงสัยก็เปลี่ยนเป็นดีใจทันที

 

 

 

“อ๋อ ก็อินเดียไง อินเดีย โรส เฮมส์เวิร์ธ เมื่อกี้ตอนอยู่ที่โรงเรียนครูสการ์เล็ตต์ก็แนะนำไปทีนึงแล้วนี่”

 

 

 

มือบางละจากเอวกลมของหลานสาวยกขึ้นมานวดขมับตัวเอง โอเค ใครบอกว่าหมาฉลาด เขาขอเถียงสุดใจขาดดิ้นเลย

 

 

 

“เอ่อ…ขอเดานะว่านายไม่ได้หมายถึงชื่อของอินเดีย…ใช่มั้ย?”

 

 

 

อ่อ ดีนะที่มันยังพอจะมีความเฉลียวหลงเหลืออยู่บ้าง ให้ตายสิ จากที่กำลังเครียดๆ เล่นเอาหมดมู้ดเลยทีเดียว เฮ้อ

 

 

 

“อื้อ ฉันหมายถึง เอ่อ แม่ อืม ของน้อง…อินเดียต่างหากล่ะ…”

 

 

 

กลีบปากอิ่มเปล่งเสียงตะกุกตะกักก่อนจะใช้ฟันขบปากแน่นเมื่อพูดจบประโยค ใครจะคิดว่าคำถามง่ายๆ แต่กลับบีบหัวใจตัวเองได้ขนาดนี้

 

 

 

ชายหนุ่มผมทองได้ฟังดังนั้น คิ้วสวยก็ขมวดปมยุ่งอีกครั้ง ร่างใหญ่ก้มหน้าลงแอบกระซิบกระซาบกับหนูน้อยผมน้ำตาลทอง ได้ยินแว่วๆ เป็นคำถามแบบเดียวกับที่เขาเอ่ยถามไปเป๊ะๆ พอเห็นแบบนั้นทอม ฮิดเดิลสตันก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น

 

 

 

อะไรกัน แค่ชื่อแฟนตัวเองก็ต้องถามลูกด้วย? นี่อย่าบอกนะว่า…

 

 

 

มั่วไปเยอะจนจำไม่ได้ว่าใครเป็นแม่ของลูกน่ะ หน็อย นายนี่มัน…

 

 

 

น่าเอาค้อนแพ่นกบาลนัก!

 

 

 

“อะไร!? แค่ชื่อแฟนตัวเองนายก็จำไม่ได้เหรอ?”

 

 

 

“หือ? โธ่ แล้วนายก็ไม่ถามแบบนี้ตั้งแต่ทีแรก ชื่อแฟนฉันน่ะเหรอ…”

 

 

 

“อะ…อื้อ”

 

 

 

พยักหน้าหงึกหงัก กลั้นใจรอคำตอบ ทั้งๆ ที่เป็นเวลาเพียงชั่วเสี้ยววินาที แต่ทอมกลับรู้สึกว่าเนิ่นนานเสียเหลือเกิน

 

 

 

“ชื่อแฟนฉัน…”

 

 

 

“…”

 

 

 

“…ก็นายไง”

 

 

 

เสียงทุ้มเอ่ยตอบอย่างไม่มีขัดเขินแถมยังหนักแน่นชัดเจนเสียจนคนที่ได้ฟังถึงกับอึ้ง จากคราแรกที่รู้สึกกดดันราวกับจะร้องไห้อยู่แล้ว พอได้ยินคำตอบแบบนี้ยิ่งทำให้คนตัวบางรู้สึกอึดอัดใจระคนน้อยใจมากขึ้นไปอีก

 

 

 

อะไรกัน นี่จะล้อเขาเล่นไปถึงไหน หลอกกันมาตั้งนานยังสนุกไม่พอใช่มั้ย? แกล้งให้เขารักขนาดนี้ยังไม่สาแก่ใจใช่มั้ย?

 

 

 

“อย่ามาล้อกันเล่นนะ”

 

 

 

“ล้อเล่น?”

 

 

 

“ใช่ มันไม่ตลกเลยสักนิดนะคริส เฮมส์เวิร์ธ จะหลอกกันไปอีกนานแต่ไหน พูดความจริงออกมาได้แล้ว ไม่ได้สนใจกันมาตั้งแต่แรกแล้วมาหลอกกันทำไม ก็ถ้ารู้ว่าเป็นคนแบบนี้…”

 

 

 

“ทอม…”

 

 

 

“ไม่รู้จักกันเลยซะยังดีกว่า”

 

 

 

ดวงตาสีเขียวสวยสั่นระริกด้วยความรู้สึกอันหลากหลายที่ประดังประเด มากกว่าความเสียใจมันยังมีความรู้สึกเจ็บปวด เจ็บใจอยู่ด้วย ราวกับทั้งโลกถล่มทลาย ความเชื่อใจที่เคยมีให้มันสลายไม่เหลือแม้แต่ผงธุลี

 

 

 

ทอม ฮิดเดิลสตันลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที พลางจับจูงมือหลานสาวตัวน้อยเตรียมตัวเดินออกจากร้าน แต่เพียงแค่หันหลังข้อมือบางก็ถูกมือแกร่งฉุดรั้งเอาไว้เสียก่อน

 

 

 

คริส เฮมส์เวิร์ธประชิดตัวทันทีที่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มย่ำแย่ เขาออกแรงกระชากอีกฝ่ายนิดเดียวคนคนนั้นก็หมุนกลับมาเผชิญหน้า ข้อมือขาวยังคงถูกเหนี่ยวรั้งแน่นกว่าเดิม นัยน์ตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธเคือง แต่ไม่มีแม้กระทั่งน้ำตาเอ่อออกมาให้เห็น

 

 

 

“ปล่อย”

 

 

 

เสียงหวานเอ่ยขู่ต่ำลอดไรฟัน แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไหร่นัก เมื่อชายหนุ่มผมทองดึงร่างนั้นให้เข้ามาใกล้มากขึ้น

 

 

 

“ทอม นายกำลัง อ๊ะ!”

 

 

 

พูดยังไม่ทันจบประโยค ความรู้สึกเหมือนโดนอะไรบางอย่างเตะตัดน่องก็เกิดขึ้น พอก้มมองลงไปด้านล่างก็เห็นกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มขยุกขยุยกำลังเอียงตัว ยืนยกขาข้างหนึ่งเตะป้าบๆ มายังเนื้อตรงน่องของเขา

 

 

 

“ปล่อยอาทอมของไอวิชนะ ฮึก พี่ธอร์บ้า รังแกน้องโลกิ ฮึก ของไอวิชได้ยังไง”

 

 

 

เสียงสะอึกสะอื้นของเด็กน้อยดังขึ้นเบาๆ หยุดการกระทำของผู้ใหญ่สองคนลงทันที ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าธอร์ค่อยๆ ปล่อยข้อมือของอีกฝ่ายที่ตนเกาะกุมอยู่ให้เป็นอิสระแล้วรีบสอดมือไปใต้วงแขนน้อยๆ ของเด็กหญิงตัวเล็ก อุ้มขึ้นมาให้นั่งอยู่ในอ้อมแขนแกร่งของตน

 

 

 

“โอ๋ๆๆ พี่ธอร์จะรังแกน้องโลกิได้ไงล่ะคะ ในเมื่อพี่ธอร์รักน้องโลกิขนาดนี้”

 

 

 

ดวงตาคมสวยสีฟ้าสดใสจ้องมองไปยังคนที่ได้ชื่อว่า ‘โลกิ’ ที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบเดียวกับหลานสาวไม่มีผิด กลีบปากสวยขบเม้มกันจนแน่นก่อนจะหลุบดวงตาลงต่ำแล้วเบนหน้าหนีไม่ยอมสบตาอีกฝ่ายที่จ้องมองมาอย่างอ้อนวอน

 

 

 

คำสารภาพรักกลายๆ ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ทอมรู้สึกดีใจเลยสักนิด รังแต่จะสร้างความรู้สึกผิดในใจให้ก่อเกิดขึ้น

 

 

 

“ไอวิช…ไอวิชไม่เชื่อ พี่ธอร์ใจร้าย ใจร้าย นี่แน่ะๆ”

 

 

 

เด็กน้อยหันหน้าเข้าหาคนที่อุ้มตนอยู่ น้ำหูน้ำตาไหลอาบใบหน้ากลมที่แดงก่ำ มือเล็กๆ ระดมตบแปะๆ ไปที่แก้มสากๆ ของชายหนุ่ม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คริส เฮมส์เวิร์ธเจ็บอะไรนัก จนกระทั่ง…

 

 

 

“งั่ม”

 

 

 

“โอ๊ย!”

 

 

 

เสียงทุ้มร้องออกมาเมื่อฟันคมๆ ของหนูน้อยวัยเกือบสองขวบงับลงตรงหัวไหล่ เสื้อยืดสีขาวชุ่มน้ำลายเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ เพราะเด็กหญิงตัวน้อยยังงับอยู่ไม่ยอมปล่อย พอเห็นแบบนั้นคนตัวบางก็หันขวับกลับมาเตรียมจะแยกหลานสาวตนเองออกจากไหล่ชายหนุ่มรุ่นน้องทันที

 

 

 

“ไอวิช!”

 

 

 

“อื้อ อี้ออใออ๊าย”

 

 

 

“ไอ…ไอวิช”

 

 

 

มือใหญ่ยกขึ้นลูบผมสีเข้มของเด็กน้อยในอ้อมแขน ไม่ต่างอะไรกับอีกคนที่ขยับเข้ามาใกล้แล้ววางมือขาวลงบนแผ่นหลังที่สั่นไหวของหลานสาว ลูบขึ้นลงอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบประโลม แต่ไม่นานนัก คริสก็ละมือจากกลุ่มผมขยุกขยุย เลื่อนมาจับมืออีกฝ่ายไว้แทน

 

 

 

ดวงตาสองคู่สบกัน ความรู้สึกรักมากมายมันถูกส่งผ่านออกมาจากนัยน์ตาสีฟ้าใสนั่น ความรู้สึกอันคุ้นเคยกำลังละลายความแข็งกร้าวในใจเขาลงอย่างช้าๆ ยังไงก็คงต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ก่อนที่จะมีใครต้องเสียใจไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะ…

 

 

 

แววตาเจ็บปวดปราดมองไปยังโต๊ะตัวใหญ่ เด็กหญิงสีผมเดียวกับชายหนุ่มเพื่อนร่วมห้องกำลังใช้ส้อมตัดบลูเบอร์รีชีสเค้กอยู่

 

 

 

เด็กน้อยที่ชื่อ…อินเดีย

 

 

 

 

 

To be Continue…

 

 

 

 

 

Talk again : คือ…อยากแต่งคู่คุณครูขากับนักศึกษาซื่อบื้อแล้วอะ แต่…เรื่องของเด็กน้อยยังไม่จบ ยังคงลากยาวอยู่ T^T ไม่ได้เบื่อคู่ฮิเหวิดนะ แต่แค่คิดถึงพี่เบนนน

 

เดี๋ยวจะพยายามเคลียร์ให้จบเป็นเรื่องๆ ไปนะคะ >< ตอนนี้มีตอนใหม่มารออีกแล้ว (ซึ่งวันที่อยากจะเอาลงก็เลยไปแล้วด้วย ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก T w T

 

ส่วนเรื่องนี้เค้าขอโทษนะ ไม่ได้จะทำให้ดราม่าจริงๆ นะเธ๊ออออ *เขิล* เด็กน้องสองคนออกน้อยไปหน่อย เซ็งงงง อารมณ์มันพาไป คราวหน้าเอาเป็นไอวิชกับน้องอินเดียตบตีแย่งน้องโลกิกันดีกว่า อ่าเฮะะะะ #ผิดสินะ คิดว่าตอนหน้าน่าจะจบแล้วค่ะ รีบเอามาลงก่อนเพราะว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ถึงต้นเดือนหน้าจะหายตัวแบ๊ววว มันเริ่มมหกรรมปิดเล่ม จะไม่สามารถกระดิกกระเดี้ยวเอี้ยวตัวได้ ฮื้ออออ

 

แอบกระซิบว่า…คราวหน้ามีตัวละครลับที่จะไม่ลับอีกต่อไปแล้วล่ะ อุวะฮะฮะฮ่า~

 

เรื่องแฟนอาร์ตนี่ก็อยากมีน้าา แต่ไม่มีใครวาดรูปให้ โฮร้วววว เดี๋ยวขอไปบังคับคนแถวนี้ก่อน อะฮึก… T^T

 

ส่วนเรื่องของยูจีนอีกสามตอน เดี๋ยวรีไรต์ใหม่แล้วค่อยเอามาลงนะก๊ะ อุฮิๆ > w <

 

ร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ทุกคน <3

[Talk] All about Bubell Universe

 

อ่านหัวข้อแล้วดูยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างดาวล้านดวงใช่มั้ยเคอะ?

ประหนึ่งว่าจะก่อตั้งบริษัทแข่งกับปู่สแตน ลี (โดนตบ! หนูมิกล้าอาจเอื้อมหรอกค่ะ)

จริงๆ แล้วมันไม่มีอะไรเลยค่ะ แค่อยากมาเมาท์มอยหอยกาบกันเฉยๆ แหะๆ ><

เห็นว่าเจ๊กวา พี่มิรา น้องยู้ แอบงงกับไทม์ไลน์ ; x ;

อย่าว่าแต่ทุกคนงงเลย ตอนเราแต่งฟิคเราก็แอบจดไว้เหมือนกันว่ามันเป็นยังไง ถึงไหน แหะๆ ^^;;

 

 

 

เลยจะมาแพล่มให้ฟังค่ะ

 

– ปกติแล้วเป็นคนชอบเขียนฟิคแบบ…ตัวละครตัวเดิมแต่เจอหลายๆ เรื่อง หลายๆ เหตุการณ์ เหมือนเล่าชีวิตประจำวันของแต่ละคนไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นมันจะไม่มีจุดพีค จุดกรี๊ด หรือจุดแตกหัก ไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีจุดจบ ก็แค่…ดำเนินชีวิตในแต่ละช่วงเวลาไปเรื่อยๆ จะอารมณ์ประมาณนั้น >< (ไร้สาระสิ้นดี ; x ; ฮื้อ)

 

– แล้วก็เป็นคนผูกปมเรื่องไม่เก่ง ; x ; คิดพล็อตไม่ค่อยได้ ฟิคมันเลยออกมาง่อยๆ หน่อย ขอโทษก๊ะ… Orz

 

– และเนื่องจากมันเป็นข้อตกลงกับสมาพันธ์ติ่งเชอร์ล็อก (หือ?) ว่าจะส่งการบ้าน (ลงฟิค) ทุกๆ วันสำคัญของโลกและของติ่ง (ซึ่งก็ไม่เคยจะลงได้ตรงวันซักที เลทตลอด ฮื้อออ) เวลาแต่งฟิคก็เลยกลายเป็นว่า บรรยากาศ สภาพแวดล้อม ช่วงเวลาก็จะตรงกับวันนั้นๆ

 

– เช่น ตอนฟิควันวาเลนไทน์ก็จะเป็นบรรยากาศหนาวๆ มีหิมะตก อะไรอย่างงี้, ฟิควันไวท์เดย์ก็จะเป็นช่วงตั้งแต่กลางเดือนกุมภาเป็นต้นมา (หลังวันวาเลนไทน์) ลากยาวไปจนถึงวันที่ 1 เมษาพอดิบพอดี แล้วหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยฟิควันเมษาหน้าโง่ ซึ่งเป็นคืนวันที่ 1 เมษาย่างเข้าวันที่ 2 ประมาณนั้น ส่วนสุดท้าย ฟิควันเกิดไอวิช ก็จะเป็นช่วงต้นเดือนพฤษภา ซึ่งอยู่ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ แล้วก็เพิ่งเปิดเทอมภาคปลายมาได้นิดหน่อย ก็จะงมๆ ข้อมูลจากอากู๋ ถูกรึเปล่าไม่รู้ แต่เขียนไปแล้ว แง้ T^T

 

– และเนื่องจากตัวละครอยู่ในวัยเรียนซะส่วนใหญ่ ทั้งนักศึกษามหา’ลัย เด็กประถม เด็กอนุบาล (เยอะจุง ไม่น่าเลย แง้) ก็เลยอ้างอิงกับระบบการศึกษาไปด้วย ซึ่งถูกรึเปล่าก็ไม่รู้ ถามอากู๋ตลอดเบย อะเฮื้อ T^T

 

– เพราะฉะนั้นชีวิตของตัวละครทุกตัวก็ประหนึ่งว่า เดินควบคู่เป็นเส้นขนานไปกับเราเลย เพราะงั้นถ้าวันนี้ X-Men เข้าโรงฉายเป็นวันแรก คุณศาสตราจารย์กับลูกศิษย์เบเนดิกต์ก็อาจจะควงคู่กันไปดูหนังเรื่องนี้ก็เป็นได้ อุฮิๆ

 

– แล้วก็สารภาพบาป ไอ้ชื่อซีรีส์ทั้งหลายทั้งแหล่ มันก็ประมาณว่าเป็นตัวละครใดเด่นในตอนนั้นๆ เองค่ะ ไม่มีอะไรมาก ตั้งไว้ให้งงไปอย่างงั้น ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก (โดนตบอีกรอบ)

 

 

 

ก็ประมาณนี้ ไม่มีอะไรมาก (ที่พิมพ์มานี่ยังไม่มากอีกหราาา)

ส่วนไทม์ไลน์ของเรื่องก็จะเป็น…

 

1. [FreeBatch Fanfiction] Eugene the series – E4 After Valentine

จะอยู่ในช่วงวันที่ 14 – 15 กุมภาพันธ์

 

2. [FreeBatch Fanfiction] Little boy the series – E5 My pet E01

จะอยู่ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ (อาจมีบางส่วนบางตอนจากฟิควันไวท์เดย์มาโผล่ด้วย ขอโทษค่ะ…) แต่ล่วงเลยมาถึงเดือนพฤษภาแล้ว ก็ยังไม่ได้แต่งต่อซักที โฮกกก T[]T

 

3. [FreeBatch Fanfiction] Little boy the series – E6 Black & White Day

จะอยู่ในช่วงกลางเดือนกุมภา (หลังวันวาเลนไทน์ได้หนึ่งสัปดาห์) คร่อมเดือนมีนา (วันไวท์เดย์) ยาวไปจนถึง 1 เมษา (คือวันสุดท้ายที่พี่เบนให้ดอกกุหลาบคุณศาสตราจารย์)

 

4. [HiddlesWorth Fanfiction] Little boy the series – E7 April fools’ day

จะอยู่ในช่วงคืนวันที่ 1 เมษาจนเลยเที่ยงคืนย่างเข้าวันที่ 2 เมษานิดๆ

 

5. [HiddlesWorth Fanfiction] Iwish the series – E8 My father is GOD E01

จะอยู่ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมและอาจจะลากยาวไปอีก เพราะยังไม่ได้แต่งต่อ ก๊ากๆๆๆ (มีหน้ามาหัวเราะ)

 

 

 

เห็นไทม์ไลน์แล้วก็เลยคิดได้ว่า ควรจะเรียงเลขลำดับเหตุการณ์ไว้ข้างหน้า เพื่อกันความสับสนของผู้อื่นและตนเอง T^T ชื่ออันเก่าไม่ขอแก้นะคะ ไว้รอแก้เรื่องใหม่เลย ขี้เกียจ แหะๆ ^^;; (ไว้เดี๋ยวจะทำสารบัญฟิคไว้นะคะ)

ใน [ xxx ] จะเป็นชื่อคู่หลักค่ะ ตามมาด้วย ชื่อ Series – และตามมาด้วย E.x เป็นลำดับ Episode ต่อด้วย ชื่อตอน และปิดท้ายด้วย E0x ลำดับตอนย่อย ค่ะ

(บ้าบอจริงๆ เธอทำอะไรลงไปบูเบล? T^T)

 

 

 

ส่วนตัวละครก็มีดังนี้ค่ะ

 

เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ : นักศึกษามหาวิทยาลัยปีสาม อายุ 24 ปี (2014) (ซ้ำปีหนึ่งมาสองรอบ) เป็นพี่เบนนะ แต่เราชอบคาแรกเตอร์เชอร์ล็อกมากกว่า ก็เลยจะถอดแบบมาประมาณนั้น >< ซื่อๆ หยิ่งๆ ขี้หวงๆ ฉลาดในเรื่องอื่นๆ แต่บื้อในเรื่องความรู้สึก

 

มาร์ติน ฟรีแมน : ศาสตราจารย์ภาควิชาวรรณกรรม เป็นมาร์ติน ฟรีแมนที่ย้อนวัยกลับไปยี่สิบปี (ก๊ากกกก หนูขอโทษค่ะลุง T^T) อายุ 29 ปี (2014) เสื้อผ้ากับทรงผมเอามาจากคุณหมอจอห์น วัตสันค่ะ ส่วนบุคลิกนี่บอกไม่ได้จริงๆ ว่านิสัยอะไรยังไง (นี่แต่งเองจริงรึเปล่า หืมมม?) แต่ก็ประมาณว่าเป็นมนุษย์ปุถุชนทั่วไป มีความคิดทั่วไป โรแมนติกนิดๆ ขี้เขินหน่อยๆ ไม่หยาบคาย (?) เหมือนตัวจริง (ก๊ากๆๆๆ นี่รักลุงจริงๆ นะ)

 

ทอม ฮิดเดิลสตัน : นักศึกษามหาวิทยาลัยปีสาม อายุ 22 ปี (2014) เป็นพี่ทอมที่มีนิสัยเป็นโลกิ (ฮ่าาา) แต่เสื้อผ้าหน้าผมเป็นพี่ทอมหมดฮร่ะ

 

คริส เฮมส์เวิร์ธ : นักศึกษามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง อายุ 20 ปี (2014) เป็นนักกีฬารักบี้ของมหา’ลัย เป็นพี่คริสที่เป็น…เอิ่ม…ตาคนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่านิสัยยังไง T^T อารมณ์อยู่ๆ ก็ซื่อ อยู่ๆ ก็เจ้าเล่ห์ เอาเป็นว่าหลงพี่ทอมหัวปักหัวปำก็แล้วกัน เข้าใจตรงกันนะ ฮ่าาา

 

ยูจีน : เด็กหญิงวัย 8 ขวบ เพิ่งขึ้นป.1 ใหม่ๆ ถอดแบบมาจากยู้ฤดี (เหมือนตรงไหน? ยู้ฤดีไม่ได้ถามไว้) เป็นลูกสาวของแดดดี๊ริชกับป่าปี๊ลี เธอรักคุณครูมาร์ตินสุดหัวใจ และเป็นคู่แข่งหัวใจกับพี่ชายหน้าอัลปาก้าอย่างเบเนดิกต์ (ซึ่งใจจริงเธออาจจะอยากสลับตำแหน่งระหว่างมาร์ตินกับพี่เบนก็ได้)

 

ไอวิช : เด็กหญิงวัยขวบครึ่ง อยู่ชั้นเตรียมอนุบาล ถอดแบบมาจากน้องไอวิชเช่นกัน เป็นหลานสาวของคุณอาทอม รักคุณอาทอมและน้องโลกิเหนือสิ่งอื่นใด ออกจะเกลียดขี้หน้าคุณอาคริสและพี่ธอร์เป็นพิเศษ

 

พี่มิรา : ตัวละครลับ เป็นเบบี้ซิตเตอร์ที่ปกติแดดดี๊ริชกับป่าปี๊ลีจะจ้างมาดูแลน้องยูจีน (หึหึหึ)

 

อาแซ็คกับอาคริสไพน์ : ตัวละคร (โคตร) ลับ ลับมากขนาดคนแต่งยังไม่รู้ ก๊ากๆๆๆๆ T v T

 

 

 

เรื่อง (ที่คิดไว้คนเดียวแต่ยังไม่ได้แต่งบอกใคร แต่ปูเรื่องต่อจากนั้นไปแล้ว ก๊ากกกกกกกก) ก็ประมาณว่า…

 

พี่ทอมกำลังหารูมเมทคนใหม่ เสร็จแล้วก็ได้พี่คริสมาเป็นรูมเมท รูมเมทกันไปรูมเมทกันมา กลายเป็น โซลเมท กันซะงั้น *-*

 

แล้วพี่ทอมกับพี่เบนก็เป็นเพื่อนซี้กัน เพราะพี่เบนห่วยแตกเรื่องวิชาท่องจำอย่างพวกภาษาและวรรณกรรมมากๆ (พี่แกชอบวิชาวิทยาศาสตร์ เพราะมันหาคำตอบได้แน่นอน มีหลักฐานรองรับสนับสนุนเป็นอย่างดี) ด้วยกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ไม่รู้ทำให้พี่เบนกับพี่ทอมมารู้จักกัน เพราะพี่ทอมเป็นติ่งเชคสเปียร์ ตอนแรกพี่เบนก็คิดจะเรียนต่อมหา’ลัยด้านวิทยาศาสตร์ แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์เปลี่ยนชีวิต ทำให้เบนเข็มมาเรียนด้านวรรณกรรม (ที่ไม่ถนัด) แทน ซึ่งศาสตราจารย์มาร์ตินคือคนเปลี่ยนชีวิตพี่เบน ทำให้ทุกวันนี้นักศึกษาเบนก็ตามเทียวไล้เทียวขื่อคุณศาสตราจารย์อยู่ร่ำไป

 

ตัดภาพมาทางด้านเด็กน้อยยูจีน (เธอนั่งรออยู่บนเก้าอี้ผ้าใบที่ใช้ในกองถ่ายหนัง) น้องยูจีนเป็นลูกสาวคนเดียวของแดดดี๊ริชกับป่าปี๊ลี ซึ่งทุกบ่ายวันพุธและศุกร์ น้องยูจีนจะได้เรียนพิเศษภาษาอังกฤษเพิ่มกับศาสตราจารย์มาร์ติน ซึ่งแดดดี๊ของเธอเป็นเพื่อนซี้มาร์ตินเลยจ้างมาสอนพิเศษให้เป็นการส่วนตัว และแน่นอนว่า นักศึกษาเบเนดิกต์ก็ย่อมไม่ปล่อยให้ศาสตราจารย์ของตนอยู่กับ (เด็ก) ผู้หญิงสองต่อสองเป็นอันขาด แรกๆ ก็แค่ไปรับตอนเลิกสอน หลังๆ นี่เข้าไปนั่งเรียนภาษาอังกฤษกับยูจีนเลยด้วยซ้ำ

 

ตัดภาพมาทางด้านเด็กน้อยไอวิช (เธอกอดตุ๊กตาโลกิหัวเหม่งนั่งรออยู่บนเก้าอี้ตัวข้างๆ ยูจีน) น้องไอวิชเป็นหลานสาวสุดรักสุดหวงของคุณอาทอม อยู่ชั้นเตรียมอนุบาลตอนนี้และเป็นคู่อริกับน้องอินเดียลูกสาว (?) พี่คริส

 

เรื่องราวคร่าวๆ ก็ประมาณนี้ค่ะ หวังว่าคงไม่ได้สปอยล์อะไรเยอะเกินไป ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก

 

 

 

หวังว่าจะอยู่ด้วยกันต่อไปจนกว่าบูเบลจะเลิกติ่งนะคะ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ><

รักทุกคนเลยยยย ถ้าไม่มีเจ๊กวา พี่มิรา น้องยู้ และน้องไอวิช ก็ไม่รู้จะแต่งฟิคไปให้ใครอ่าน T^T ขอบคุณงับ (พูดจาเหมือนจะจากกัน ฮ่าๆๆๆ)

 

ป.ล. นี่เขียนยาวเหมือนแต่งฟิคตอนนึงเลยนะ ฮ่าาาา

[HiddlesWorth Fanfiction] Little boy the series – April fools’ day

Title: Little boy the series – April fools’ day (Black & White Day Special)
Pairing: Chris Hemsworth x Tom Hiddleston ft. Benedict Cumberbatch x Martin Freeman
Author: Babibubell

 

Talk: เชื่อมั้ยว่ามันเป็นฟิควันโกหกที่ผ่านมา ก๊ากกกกกกกกกกกกก (มีหน้ามาขำ) ค่อยๆ ทยอยใช้หนี้ที่คั่งค้างไปเรื่อยๆ นะก๊ะ T v T แล้วก็…ถ้าใครยังไม่ได้อ่านตอนปกติหรืออ่านแต่ลืมไปแล้ว รบกวนกลับไปอ่านก่อนนะก๊าบบบ จะได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น (เหรอ?) ชื่อตอน Little boy the series – Black & White Day

 

 

 

เสียงดนตรีดังขึ้นท่ามกลางความสงบเงียบภายในหอพัก มือใหญ่ควานแปะป่ายไปยังด้านขวาของเตียง โดยที่ใบหน้าหล่อเหลายังคงหันไปด้านตรงข้าม โทรศัพท์มือถือแผดเสียงร้องนานขึ้นเรื่อยๆ จนชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงนั้นรู้สึกรำคาญใจ แต่ความง่วงงุนก็เอาชนะทุกอย่าง เพราะที่เขาพยายามจะหาเจ้าเครื่องมือสื่อสารนั่นไม่ใช่ว่าตั้งใจจะรับสายหรอกนะ แต่ตั้งใจจะกดปิดเสียงแล้วนอนต่อต่างหาก

 

 

 

ในที่สุดความพยายามก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อเขาคว้าเจ้าโทรศัพท์มือถือนั่นมาได้ก่อนที่มันจะสั่นจนเคลื่อนที่ตกโต๊ะข้างหัวเตียงไป ตอนแรกกะว่าจะกดปุ่มวางสายซะหน่อย แต่พอเห็นชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์เท่านั้นแหละ ดวงตาสีฟ้าใสก็เบิกกว้างก่อนจะกระเด้งตัวผึงขึ้นมาอย่างตกอกตกใจ

 

 

 

‘LOKI <3’

คือชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอขณะนี้

 

 

 

แน่นอนว่า โทรศัพท์ของอีกฝ่ายก็บันทึกชื่อเขาเอาไว้ว่า THOR เช่นกัน แต่ไม่มีหัวใจต่อท้ายแบบเขาหรอกนะ แค่กว่าจะตื๊อให้บันทึกชื่อนี้ได้ก็ออดอ้อนแทบเป็นแทบตาย แต่สาบานได้เลยว่า หากทอม ฮิดเดิลสตันเผลอวางมือถือทิ้งไว้เมื่อไร เทพเจ้าสายฟ้าคนนี้แหละ จะรีบไปเติมหัวใจต่อท้ายชื่อทันที

 

 

 

“ทอม!”

 

 

 

ว่าแล้วก็รีบถลาลุกพรวดพราดลงจากเตียงไปอย่างรวดเร็ว เรียวขายาวในกางเกงวอร์มผ้าหนาดูอบอุ่นก้าวยาวๆ ไปยังห้องที่อยู่ติดกันด้วยความร้อนรน มือใหญ่ตั้งใจจะกระหน่ำเคาะประตูห้องอีกฝ่าย เพราะลางสังหรณ์เขาบอกว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ ไม่งั้นคนตัวบางไม่โทรหาเขาตอนกลางดึกกลางดื่นทั้งๆ ที่ห้องอยู่ติดกันแบบนี้หรอก

 

 

 

ตึงตึงตึง

 

 

 

“ทอม!”

 

 

 

กระหน่ำกำปั้นรัวไปสามที ก่อนจะตามด้วยเสียงใหญ่ๆ ที่ตะโกนเรียกชื่อเจ้าของห้อง แต่ก็ยังไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา พอเป็นแบบนั้นก็ยิ่งทำให้ คริส เฮมส์เวิร์ธ ร้อนใจมากขึ้นไปอีก หรือว่าทอมจะโดนคนชั่วปีนหน้าต่างบุกเข้ามาปล้นทรัพย์ แต่พอเห็นหน้าทอมแล้วก็คิดเปลี่ยนใจจะปล้นสวาททำมิดิมิร้ายแทน โธ่…ตอนนี้ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไง ไอ้โจรบ้าหื่นกามนั่นจะหักหาญน้ำใจคนตัวบางของเขาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ไม่นะ! ขาอ่อนทอมเขายังไม่ทันจะเห็นด้วยซ้ำ จะให้ใครหน้าไหนมาดูตัดหน้าไปได้ยังไง ม่าย!!!

 

 

 

“คริส”

 

 

 

“ม่าย!!!”

 

 

 

ทอมกำลังเรียกชื่อเรา เราต้องรีบเข้าไปช่วยแล้ว!

 

 

 

ว่าแล้วก็ถอยหลังออกมาตั้งหลัก หวังว่าจะเอาไหล่หนาๆ ใหญ่ๆ นั่นดันประตูให้เจ๊งกันไปข้างหนึ่ง แต่มาคิดอีกที ดันประตูแบบนั้นเวลาเข้าไปด้านในจะดูไม่ค่อยเท่เท่าไหร่ เพราะงั้นเปลี่ยนเป็นใช้เท้าถีบประตูให้เปิดออกแล้วตะโกนว่า FBI!!! แบบในซีรีส์ดีกว่า ดูมาดแมนและเท่กว่ากันเยอะเลย

 

 

 

คิดได้ดังนั้น คริส เฮมส์เวิร์ธก็เตรียมจะวิ่งไปยังประตูที่แสนเคราะห์ร้ายเพราะกำลังจะโดนเท้าใหญ่ๆ นั่นถีบ เขาถกขากางเกงขึ้น ย่อตัวต่ำ ใบหน้ามุ่งมั่นมองตรงไปข้างหน้า เตรียมตัว ระวัง ไป!

 

 

 

“คริส!”

 

 

 

เอี๊ยด! เบรกตัวซะล้อฟรีเลย

 

 

 

คนที่กำลังจะวิ่งนั้นหันกลับไปมองด้านหลังช้าๆ ตามต้นเสียง แล้วเขาก็พบกับร่างบางๆ ที่ในใจมันกำลังเป็นกังวลอยู่ในตอนนี้

 

 

 

ทอม ฮิดเดิลสตันนั่งไขว่ห้างเป็นนางพญาพลางทำตาปริบๆ มองมายังคนตัวใหญ่ที่กำลังจะกระโดดถีบประตูห้องเขาอยู่ ในมือนั้นถือโทรศัพท์มือถือสีดำเอาไว้ด้วย ใบหน้ามีเสน่ห์ติดออกจะง่วงงุนเล็กน้อยนั่นขมวดคิ้วอย่างสงสัย

 

 

 

ไอ้พ่อหมีนั่นเป็นอะไร?

 

 

 

“อ้าว…ทอม นายไม่ได้โดนโจรปล้ำ เอ้ย! โจรปล้น เอ้ย! เอาเป็นว่า นายไม่ได้อยู่ในห้องนอนหรอกเหรอ? แล้วนั่งอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้วง่ะ”

 

 

 

ร่างสูงชี้นิ้วสลับไปมาระหว่างประตูห้องนอนกับคนตัวบางที่นั่งอยู่บนโซฟา พูดผิดพูดถูกอยู่หลายรอบจนคนที่ได้ฟังหรี่ตาลงมองด้วยสายตาจับผิด หมอนี่ถูกปลุกกลางดึกแค่นี้ทำเป็นเมาขี้ตาไปได้

 

 

 

“เป็นอะไรของนาย พูดผิดๆ ถูกๆ ฉันไม่ได้อยู่ในห้องนอน นั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้ว นานพอจะเห็นนายวิ่งพรวดพราดออกมาจากห้อง แล้วก็ทำท่าเหมือนจะพังประตูห้องฉันเข้าไปด้านในอย่างนั้นแหละ เกลียดชะมัด พวกนักกีฬาตัวใหญ่ชอบใช้กำลัง”

 

 

 

อ่า…นี่โทรปลุกเขามาเพื่อต่อว่าใช่มั้ยเนี่ย?

 

 

 

“แล้วจะยืนบื้ออยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย?”

 

 

 

สิ้นเสียงทุ้มติดจะหวานที่บ่นออกมาราวกับว่ากำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง คนตัวโตเดินคอตกมาทิ้งตัวแหมะลงบนโซฟาที่ว่างข้างๆ กายคนตัวบาง ไหล่หนาใหญ่ที่คิดจะใช้กระแทกประตูเมื่อสักครู่นี้ห่อเหี่ยวลงจนทำให้นักกีฬารักบี้ของมหา’ลัยดูตัวเล็กลงไปยังไงก็ไม่รู้

 

 

 

“เอ้า เอาไป”

 

 

 

มือขาวยื่นโทรศัพท์เครื่องสีดำของเจ้าตัวมาอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรนอกจากเบนหน้ามามองใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ สลับกับเจ้าเครื่องมือสื่อสารในมือด้วยความสงสัย ยื่นให้ทำไม? โทรศัพท์เสียจะให้เขาซ่อมหรือ? หรือว่า…

 

 

 

จะยอมให้เขาเติมหัวใจ <3 ต่อท้ายชื่อ THOR แล้ว!

 

 

 

คิดได้ดังนั้น ไอ้อาการดีใจจนออกนอกหน้ามันก็ออกนอกหน้าสมชื่อจริงๆ เพราะคนตัวบางที่นั่งอยู่ข้างๆ พอเห็นแบบนั้นก็รีบชักมือกลับเอาโทรศัพท์มาไว้แนบอก ก่อนจะตีหน้าขรึม ทำตาโตดุใส่ เล่นเอาคริส เฮมส์เวิร์ธหงอ (อีกรอบ) ไปโดยปริยาย

 

 

 

“เบนส่งข้อความมาบอกว่า ‘มีเรื่องจะเคลียร์กับคริส’ น่ะ”

 

 

 

“หา?”

 

 

 

“ไม่หงไม่หาล่ะ นายแอบมีความลับอะไรกับเบนที่ฉันไม่รู้ห๊ะ? บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”

 

 

 

ไม่พูดเปล่า ทอม ฮิดเดิลสตันคาดคั้นเอ่ยถามพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ทำเอาคนตัวใหญ่ผงะตกใจเอนหลังไปโดยอัตโนมัติ เขาจะไปมีความลับอะไรกับไอ้มนุษย์หุ่นยนต์ไร้หัวจิตหัวใจนั่นได้ ทอมเอาความเชื่อผิดๆ นี่มาจากไหนกันเนี่ย

 

 

 

แล้วหน้าน่ะ อย่ายื่นเข้ามาใกล้มากได้มั้ย? เกิดผีผลักแล้วปากเขาไปชนกับปากทอม แล้วเขาเอนตัวลงไปทับทอมบนโซฟา แล้วก็เลยเถิดต่อไปเรื่อยๆ จะทำไงล่ะ ฮึ้ย…

 

 

 

“มะ…ไม่มี้! ฉันจะไปมีความลับอะไรกับนายได้ มีแต่นายนั่นแหละ ชอบแอบหนีไปดินเนอร์กับเบนแล้วทิ้งฉันอยู่หอคนเดียวน่ะ ฉันน้อยใจนะ เชอะ”

 

 

 

พอเห็นอาการยู่ปาก กอดอก สะบัดหน้าหนีไปทางอื่นแบบเด็กน้อยแสนงอนแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ ถ้าคนตัวเล็กๆ น่ารักๆ อย่างศาสตราจารย์มาร์ตินทำก็ว่าไปอย่าง แต่นี่อะไร…ตัวใหญ่อย่างกับฮัลค์ยักษ์เขียว ทำแล้วมันน่าหมั่นไส้มากกว่าน่าเอ็นดูนะ

 

 

 

ว่าแล้วมือบางก็เอื้อมออกไปผลักหัวทองๆ นั่นให้หงายเงิบเสียหนึ่งที

 

 

 

“ไม่มีก็ไม่มี อย่าให้ฉันรู้ทีหลังนะ น่าดู เอ้า! เอาโทรศัพท์ไปโทรคุยกับเบนให้รู้เรื่อง เสร็จแล้วเอามาคืนที่ห้องด้วยนะ ฉันง่วง จะนอนแล้ว อย่าคุยนานล่ะ”

 

 

 

สั่งจบ ร่างบางก็สะบัดหน้าพรืดก่อนจะลุกจากโซฟาเดินเข้าห้องนอนที่อยู่ข้างๆ ห้องของชายหนุ่มผมทองไป ดวงตาสีฟ้าสวยมองจนแผ่นหลังเล็กๆ นั่นหายเข้าไปในห้องพลางทำปากขมุบขมิบทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียนคนตัวบาง

 

 

 

“เสร็จแล้วเอามาคืนที่ห้องด้วยนะ ฉันง่วง จะนอนแล้ว อย่าคุยนานล่ะ เฮอะ แล้วไม่คิดว่าคนหล่อคนนี้ก็ง่วงรึไงกัน ไอ้หัวหยิกนั่นก็จะเคลียร์อะไรไม่รู้จักเวล่ำเวลาเลย พับผ่าสิ รีบคุยรีบเคลียร์จะได้รีบเอาโทรศัพท์ไปคืนทอมใน…ห้อง… อะเด๊ะ?”

 

 

 

เรียวคิ้วสวยเลิกขึ้นทันทีเมื่อคิดเอะใจอะไรบางอย่าง ทอมเข้าไปนอนรอเราเอาโทรศัพท์ไปคืนในห้อง! อะฮ้า…แบบนี้มันเปิดโอกาส ทอดสะพาน เย้ายวน เชิญชวน และอะไรต่อมิอะไรให้เราชัดๆ!

 

 

 

คิดได้ดังนั้น คริส เฮมส์เวิร์ธก็รีบกดโทรศัพท์ออกไปหาพ่อเชอร์ล็อก โฮล์มส์แห่งศตวรรษที่ 21 ทันที

 

 

 

“เฮ้ เบน มีอะไร”

 

 

 

ถามเข้าใจความตรงประเด็นไม่มีอ้อมค้อม ตอนนี้เวลาเป็นเงินเป็นทอง ชักช้าอาจจะไม่ทันกินก็เป็นได้

 

 

 

“ฉันจะส่งบิลไปเรียกเก็บเงินจากนาย”

 

 

 

อีกฝ่ายก็ตอบกลับตรงประเด็นแบบไม่มีอ้อมค้อมเหมือนกัน แต่บอกเลยว่า เป็นคำตอบที่งงมาก

 

 

 

“หา? นายว่าอะไรนะ?”

 

 

 

คิ้วขมวดมุ่นกว่าเดิม บิล? บิลอะไร? บิลโบ แบกกินส์รึ? (แป้กจ้า)

 

 

 

“…ก็…มันไม่ได้ผล”

 

 

 

“อะไรไม่ได้ผล? นายเรียนพิเศษกับศาสตราจารย์มากไปจนสมองเพี้ยนเปล่าเนี่ย”

 

 

 

“ก็ไอ้แผนการกุหลาบดอกเดียวแต่ให้ทุกวันของนายยังไงเล่า นี่ฉันให้กุหลาบมาร์ตินมาตั้งแต่วันที่ 19 กุมภา จนกระทั่งวันนี้ 1 เมษา รวมทั้งหมด 42 วัน เป็นดอกกุหลาบแดง 41 ดอก แต่พรุ่งนี้ฉันจะเอาดอกกุหลาบแดงไปให้มาร์ตินอีกดอกนึง เพราะฉะนั้นทั้งหมดเป็น 42 ดอก ส่วนวันนี้เป็นดอกกุหลาบขาว 1 ดอก สรุปทั้งหมดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่บิลจะไปเรียกเก็บที่นายนะ”

 

 

 

โอ้โห ร่ายยาวรัวเร็วขนาดนี้ คิดว่าคนออสเตรเลียอย่างเขาจะฟังทันมั้ย? บอกเลยว่าทอมพูดแล้วน่าฟังกว่าเยอะ! แล้วไอ้เสียงทุ้มต่ำงึมงำในลำคอเนี่ย ขายเท่าไหร่กัน จะเหมาให้หมด จะได้พูดรู้เรื่องกว่านี้

 

 

 

“ดะดะเดี๋ยวเซ่! ไหน นายลองบอกมาซิว่า ศาสตราจารย์เค้าว่ายังไงบ้าง”

 

 

 

“…”

 

 

 

“ไม่ต้องเขินหรอกน่า บอกมา เดี๋ยวฉันตัดสินใจเองว่ามันได้ผลหรือมันแป้ก”

 

 

 

“มาร์ตินบอกว่าเกลียด”

 

 

 

“หือ?”

 

 

 

“มาร์ตินบอกว่าเกลียดอกกุหลาบที่ฉันเอาไปให้เขาทั้งหมดเลย”

 

 

 

“อ้าว ถ้างั้นพรุ่งนี้จะเอาไปให้อีกทำไมล่ะ”

 

 

 

ศาสตราจารย์นี่ก็เพี้ยนตามเจ้าบ้านี่ไปด้วยเหรอ?

 

 

 

“ก็…มาร์ตินบอกว่าเกลียด เกลียดมากๆ ด้วย แล้วก็ไล่ฉันกลับบ้าน แต่ก่อนกลับมาร์ตินก็บอกว่า ‘พรุ่งนี้อย่าลืมซื้อดอกกุหลาบมาให้อีกนะ’ ฉันงงไปหมดแล้ว ตกลงเกลียดหรือชอบกันแน่ นายรู้รึเปล่าคริส มาร์ตินเก็บดอกกุหลาบที่ฉันให้ไว้ทุกดอกเลยนะ แต่พอวันนี้ฉันถาม ก็กลับบอกว่าเกลียด แต่ดันบอกให้พรุ่งนี้ซื้อมาอีก เฮ้อ ฉันงงไปหมดแล้ว ไม่เข้าใจมาร์ตินเลยสักนิด”

 

 

 

โถๆๆๆ น่าสงสารจริงๆ เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์เอ๋ย… นี่ซื่อจริงไม่ได้แกล้งโง่ใช่มั้ยเนี่ย…

 

 

 

“นายนี่นะ เฮ้อ เขาถึงว่าอัจฉริยะกับบ้องตื้นมันมีแค่เส้นบางๆ คั่นเอาไว้”

 

 

 

“เขาพูดว่า อัจฉริยะกับคนบ้า ต่างหาก”

 

 

 

“เออ เอาน่ะ มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ แต่สรุปแล้ว เอาเป็นว่า แผนนี้มันเวิร์ค”

 

 

 

“เวิร์ค? เวิร์คยังไง? มาร์ตินบอกว่าเกลียดนี่นะเวิร์ค? นายอย่ามาโยกโย้จะไม่จ่ายค่ากุหลาบเลยนะคริส ฉันรู้ทันหรอก”

 

 

 

“บ๊ะ! บอกว่าเวิร์คก็เวิร์คสิ นายรู้รึเปล่าทำไมศาสตราจารย์ถึงเก็บดอกกุหลาบนายไว้ทุกดอก?”

 

 

 

“…”

 

 

 

“แล้วนายรู้รึเปล่าทำไมพรุ่งนี้ศาสตราจารย์ถึงให้นายซื้อกุหลาบไปให้อีก?”

 

 

 

“…”

 

 

 

“ก็เพราะเค้าชอบมันยังไงเล่า!”

 

 

 

“ชอบบ้าอะไร มาร์ตินบอกว่าเกลียด”

 

 

 

“ตกลงนี่นายบ้องตื้นจริงๆ ใช่มั้ย”

 

 

 

“…”

 

 

 

“วันนี้วันอะไร?”

 

 

 

“2 เมษา”

 

 

 

“โอ๊ย…นี่ฉันถูกปลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อมาโดนทอมด่าและมานั่งคุยโทรศัพท์กับคนบ้าใช่มั้ยเนี่ย”

 

 

 

ยกมือขยี้ขยุ้มผมตัวเองยกใหญ่ อยากจะเอาหัวโขกโต๊ะตายให้รู้แล้วรู้รอด ฮื้อ ชีวิตคริส เฮมส์เวิร์ธ

 

 

 

“เอ้า ก็ตอนนี้มันเที่ยงคืนสองนาที สามสิบเจ็ดวินาที โอเคตอนนี้สามสิบแปดแล้ว มันก็ถือเป็นวันที่ 2 สิ หรือว่านายหมายถึงวันที่ 1 เมษา ถ้างั้นนายก็ต้องพูดว่าเมื่อวานนะ ไม่ใช่วันนี้”

 

 

 

“คร้าบ คร้าบ คร้าบ…พ่ออัจฉริยะ แล้วคุณเชอร์ล็อก โฮล์มส์แห่งศตวรรษที่ 21 รู้รึเปล่าครับว่า วันที่ 1 เมษาเป็นวันอะไร?”

 

 

 

“รู้สิ ทำไมจะไม่รู้”

 

 

 

“…”

 

 

 

อ๊ะ ก็ฉลาดสมฉายาและหน้าตาเหมือนกันนี่หว่า

 

 

 

“วันที่ 1 เมษาเป็นวันที่ซามูเอล มอรีย์จดสิทธิบัตรเครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน”

 

 

 

“หา?”

 

 

 

ถอนคำพูดตอนนี้ยังทันมั้ยครับ!

 

 

 

“แล้วก็เป็นวันที่พระมหากษัตริย์ของประเทศไทยประกาศเลิกทาสด้วยนะ”

 

 

 

“หา? โอย…”

 

 

 

“อ้าว ไม่ใช่เหรอ งั้นก็เป็นวันที่สตีฟ จอบส์ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล”

 

 

 

“ไปกันใหญ่แล้ว”

 

 

 

“งั้น…เป็นวันที่ทหารสหรัฐฯ ยกพลขึ้นบกที่เกาะโอกินาวะของญี่ปุ่น ในสงครามโลกครั้งที่สอง”

 

 

 

“ฉันจะวางหูล่ะนะ”

 

 

 

“เฮ้ๆๆ งั้นเป็นวันที่อังกฤษประกาศใช้อัตราค่าแรงขั้นต่ำเป็นครั้งแรกเอ้า!”

 

 

 

“โอ๊ย…หยุดเลยพ่อวิกิพิเดีย รู้เยอะซะเปล่าแต่ไม่เป็นประโยชน์เลย ให้ตายเหอะ!”

 

 

 

“…”

 

 

 

“เฮ้อ เอพริลฟูลส์เดย์น่ะรู้จักมั้ย? เอพริลฟูลส์เดย์น่ะ”

 

 

 

“อ้อ นายหมายถึงไอ้เทศกาลไร้สาระนั่นน่ะเหรอ ฉันไม่เก็บเอามาจำให้รกพื้นที่สมองหรอก”

 

 

 

“วะ ก็เพราะนายเป็นคนแบบนี้น่ะสิเลยไม่เข้าใจศาสตราจารย์สักที”

 

 

 

“หืม? เกี่ยวอะไร?”

 

 

 

“เฮ้อ เอาเป็นว่า วันนี้-”

 

 

 

“เมื่อวาน”

 

 

 

“เออๆ เมื่อวานก็เมื่อวาน โวะ คุยกับคนแบบนายนี่มันเหนื่อยจริงๆ ก็เมื่อวานศาสตราจารย์บอกว่าเกลียดใช่มั้ยล่ะ แสดงว่าศาสตราจารย์กำลังโกหก เขาหลอกนายต่างหากล่ะ”

 

 

 

“…”

 

 

 

“ที่เขาเก็บดอกกุหลาบ ที่บอกให้ซื้อมาให้อีก นั่นเป็นเพราะเขาชอบไงเล่า เข้าใจรึยังพ่ออัจฉริยะ เพราะมันเป็นวันที่ 1 เมษา เขาก็เลยพูดอะไรที่ไม่เป็นความจริงได้ ทีนี้รู้รึยังว่าทำไมต้องใส่ใจเทศกาลไร้สาระด้วย มันมีประโยชน์มากกว่าวันจดสิทธิบัตรของสตีฟ จอบส์ที่เกาะโอกินาวะอีกนะ”

 

 

 

“มันเป็นวันที่ซามูเอล มอรีย์จดสิทธิบัตรเครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน แล้วก็เป็นวันที่สตีฟ จอบส์ก่อตั้งบริษัทแอปเปิล กับวันที่ทหารสหรัฐฯ ยกพลขึ้นบกที่เกาะโอกินาวะของญี่ปุ่น ในสงครามโลกครั้งที่สองต่างหาก นายนี่มันมั่วจริงๆ เลยคริส”

 

 

 

“โอเคๆ ถึงยังไงคนมั่วแบบฉันก็ไม่ต้องเสียค่าดอกกุหลาบแล้วล่ะนะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้อย่าลืมเอาดอกกุหลาบไปให้ศาสตราจารย์ด้วยล่ะ แค่นี้นะ บาย”

 

 

 

คนตัวใหญ่รีบเอ่ยตัดจบอย่างรวดเร็ว นิ้วเรียวกดปุ่มวางสายแล้วยกยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ในที่สุดการเจรจาอันยาวนานก็จบลงเสียที คริส เฮมส์เวิร์ธจ้องมองประตูห้องนอนบานเล็กของทอมด้วยสายตาเปล่งประกายวิบวับ เวลาที่รอคอยมาถึงแล้ว ป่านนี้ทอมจะหลับรึยังนะ หรือยังนอนรอเขาเอาโทรศัพท์ไปคืนอยู่ ไม่ได้การละ งั้นเราต้องรีบเผด็จศึก!

 

 

 

เพราะฉะนั้นจะรอช้าอยู่ไย…

 

 

 

ได้โอกาสแบบนี้ ต้องรีบเติมหัวใจ <3 ต่อท้ายชื่อ THOR ในโทรศัพท์ของทอมแล้วล่ะ!

 

 

 

 

 

The End

 

 

 

 

 

Talk again: จบแล้วค่ะ ไม่มี (รึเปล่า?) ไม่มี คอนตินิว ไม่มี NC ต่อท้าย ไม่ต้องเมล์มาขอหลังไมค์นะ (ฮ่าาา มุกนะคะมุก อย่าถือคนบ้าอย่าว่าติ่งค่ะ) พออ่านจบแล้วคงจะมีแต่ … ในหัวสินะคะ T w T ตอนแต่งก็รู้สึกจะมีแต่ … ในหัวเหมือนกันค่ะ ฮื้อออ orz

[HiddlesWorth Fanfiction] Iwish the series – E1 My father is GOD 01

Title : Iwish the series – E1 My father is GOD 01

Pairing : Chris Hemsworth x Tom Hiddleston and Little Iwish ft. Benedict Cumberbatch x Martin Freeman

Author : Babibubell

Talk : แด่วันเกิด (เลทๆ) ของไอวิช T^T

 

 

 

 

 

เด็กหญิงยูจีนกำลังเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง

 

 

 

ดวงตาเรียวรีที่หรี่ลงเล็กน้อยมองไปยังดอกไม้สีแดง สีขาวที่ชูช่อพัดไหวไปตามสายลม ช่วงสายๆ ปลายฤดูใบไม้ผลิย่างเข้าฤดูร้อนแบบนี้ อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นจนเธอรู้สึกขี้เกียจ และถึงแม้ว่าจะเพิ่งเปิดเทอมภาคปลายมาได้ยังไม่ครบหนึ่งเดือนดี แต่เธอกลับรู้สึกว่าแต่ละวันช่างยาวนานเมื่อต้องมานั่งเรียนวิชาต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอรู้อยู่แล้ว

 

 

 

จะไม่ให้เธอรู้เยอะได้ไงล่ะ ก็แดดดี๊ของเธอจ้างครูสอนพิเศษวิชาภาษาอังกฤษแค่คนเดียว แต่เธอกลับได้ครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มมาอีกคนนึงแบบฟรีๆ เรียกว่าเป็นตัวแถมที่ติดสอยห้อยตามคุณครูมาร์ตินของเธออย่างจริงจัง ขนาดที่ว่าบางวันแดดดี๊ของเธอไล่กลับ แต่พี่ชายหน้าอัลปาก้าก็ไม่สนคำขู่ของแดดดี๊เลยสักนิด

 

 

 

เธอแอบคิดในใจว่า แดดดี๊ต้องรู้แน่เลยว่า พี่ชายหน้าอัลปาก้าคนนี้เป็นมารหัวใจของยูจีน แดดดี๊เลยไม่ค่อยชอบหน้าพี่เบนเหมือนกัน หุๆๆ

 

 

 

ขณะที่ดวงตาคู่สวยกำลังไล่มองไปยังพุ่มดอกไม้หลากสีอยู่นั้น สายตาเธอก็ไปปะทะเข้ากับเด็กอนุบาลกลุ่มหนึ่งที่ยืนออกันอยู่บนสนามหญ้า

 

 

 

ตรงกลางวงนั้นมีเด็กหญิงสองคนยืนประจันหน้ากันอยู่ คนหนึ่งเป็นเด็กหญิงตัวโตกว่าอีกฝ่ายนิดหน่อย เธอมีผมน้ำตาลทอง หน้าม้าบางๆ ถูกปาดไปทางขวา แกละสองข้างถูกมัดเป็นปอยเล็กๆ เนื่องจากผมเธอยังสั้น หน้าตาบูดบึ้ง คิ้วเล็กๆ ขมวดเข้าหากัน แก้มน้อยๆ พองลมจนตุ่ย ดวงตาสีเทาเข้มจ้องมองอีกฝ่ายอย่างหาเรื่อง มือป้อมๆ เท้าลงตรงเอวแบบที่ใครดูก็รู้ว่ากำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่แน่ๆ

 

 

 

ในขณะที่เด็กน้อยอีกคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามกำลังก้มหน้างุดๆ ราวกับหวาดกลัวคนตรงหน้า เส้นผมสีน้ำตาลเข้มกว่าอีกฝ่ายดูหยักยุ่ง มือทั้งสองกอดตุ๊กตาตัวเล็กๆ ไว้ในอ้อมแขนแน่น มองไกลๆ จากในอาคารที่ยูจีนนั่งอยู่ เห็นเพียงแค่ว่าเป็นตุ๊กตาผ้าหัวกลมๆ เหม่งๆ ผมสีดำ มีผ้าคลุมหลังสีเขียวผืนใหญ่

 

 

 

ถ้าเป็นผ้าคลุมสีแดงเธอคงเดาว่าเป็นตุ๊กตาซูเปอร์แมนหรือไม่ก็ธอร์ไปแล้วล่ะ แต่นี่มันผ้าคลุมสีเขียวนี่นะ…ซูเปอร์ฮีโร่ตัวไหนกันมีผ้าคลุมสีเขียวอี๋แบบนั้น

 

 

 

และแน่นอน ยูจีนไม่รู้จักเด็กทั้งสองคนหรอก ก็เธออยู่ชั้นประถม ในขณะที่เด็กสองคนนั้นอยู่ชั้นอนุบาลนี่นา

 

 

 

เด็กสาวยักไหล่ให้กับภาพตรงหน้าเมื่อเห็นว่าครูประจำชั้นอนุบาลผมแดงเดินเข้ามาในวงนั้นเสียก่อนจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ยูจีนยู่ปากแล้วถอนหายใจออกมานิดหน่อย แอบเสียดายที่ไม่มีเรื่องอะไรสนุกๆ ไปเล่าให้ครูมาร์ตินของเธอฟัง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ช่วงเวลาก่อนหน้านั้นนิดหน่อย

 

 

 

สายลมอ่อนๆ พัดผ่านมากระทบข้างแก้มจนเด็กน้อยในชุดกระโปรงเดรสสีแดงลายดอกไม้เล็กๆ ต้องยกมือป้อมๆ ขึ้นมาเอาผมทัดหูไว้ เธอนั่งลงบนสนามหญ้าใต้ต้นไม้ใหญ่ก่อนจะวางตุ๊กตาตัวโปรดไว้บนตัก ขยับไม้ขยับมือเหมือนพูดคุยกับเพื่อนสนิทอยู่ก็มิปาน

 

 

 

เสียงพูดคุยระหว่างเธอกับตุ๊กตาเพื่อนซี้ดังได้สักพัก จู่ๆ ตรงหน้าเธอก็ปรากฏรองเท้ารัดส้นสีชมพูแปร๋น พอเงยหน้าขึ้นไปก็พบกับดวงตาสีเทาเข้มที่จ้องมองเธออยู่

 

 

 

“มีอะไย”

 

 

 

เด็กหญิงที่ตัวเล็กกว่าตัดสินใจถามออกไปพลางกอดตุ๊กตาของเธอแน่นเมื่อเห็นว่าดวงตาคู่นั้นจ้องมาที่เพื่อนรักตัวนุ่มนิ่มของเธอแบบตาไม่กะพริบ ถึงคุณอาของเธอจะบอกว่าให้แบ่งของเล่นให้เพื่อนเล่นบ้าง แต่กับตุ๊กตาตัวนี้เธอไม่ยอมให้ใครแตะเด็ดขาด และที่สำคัญ…เด็กผมทองคนนี้ก็ไม่ใช่เพื่อนเธอด้วย

 

 

 

“เลาได้ข่าวว่าเธอมีตุ๊กตาน้องโลกิ เพราะชานั้น เธอต้องส่งน้องโลกิมาให้เลาเดี๋ยวนี้เลย”

 

 

 

เสียงเล็กๆ เอ่ยออกคำสั่งพลางวางมือกลมๆ เท้าลงบนเอว รองเท้าสีชมพูแปร๋นกระดิกขึ้นลงไปมา ดูแล้วมันช่างขัดกับแก้มสีชมพูระเรื่อเสียเหลือเกิน

 

 

 

“ไม่ให้ นี่มันตุ๊กตาพี่โลกิของไอวิชนะ ไอวิชไม่ให้เธอหรอก”

 

 

 

เด็กน้อยตอบพลางลุกขึ้นยืนเผชิญหน้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ อ้อมแขนเล็กรัดคอตุ๊กตา ‘พี่โลกิ’ แน่น ดวงตาสีเข้มช้อนสบอีกฝ่ายที่ตัวโตกว่า แถมพกลูกสมุนมาอีกตั้งสองคนแน่ะ แต่อย่าคิดว่าไอวิชจะกลัวนะ ถึงแม้จะตัวเล็กกว่า…แต่ไอวิชก็…ไม่กลัวหรอก ฮึก

 

 

 

“เน่ พูดแบบนี้ แสดงว่าเธอยังไม่รู้ใช่มั้ยว่าป๊ะป๋าเลาเป็นใคร”

 

 

 

ไม่พูดเปล่า เจ้าเด็กหัวกลมจอมหาเรื่องยื่นมือสั้นๆ ไปผลักไหล่อีกฝ่ายที่ยึดตุ๊กตาไว้แน่นราวกับมันเป็นสมบัติมีค่าชิ้นสุดท้าย เด็กหญิงที่แทนตัวเองว่าไอวิชเซไปข้างหลังตามแรงผลักเล็กน้อยก่อนเธอจะส่ายหัวดิกๆ และให้ความเงียบเป็นคำตอบ พอเห็นแบบนั้นเจ้าของคำถามก็ยกมือขึ้นกอดอกพร้อมกับยกยิ้มที่ริมฝีปาก

 

 

 

“พ่อเลาเป็นเทพเจ้าสายฟ้า พี่ธอร์ไง เพราะชานั้น น้องโลกิต้องอยู่กับเลาที่เป็นลูกสาวของป๊ะป๋าธอร์ เธอต้องส่งน้องโลกิมาให้เราเดี๋ยวนี้! นี่คือคำสั่ง ไม่งั้นเราจะให้ป๊ะป๋าธอร์เอาสายฟ้าฟาดเธอเลยนะ ป๊ะป๋าเรามีค้อนอันเบ้อเริ่มเลย แถมค้อนก็หนักด้วย ใครๆ ก็ยกไม่ขึ้นนอกจากป๊ะป๋าของเลาคนเดียว”

 

 

 

เด็กหญิงผมทองเอ่ยคำตอบแกมขู่บังคับออกมา เธอวาดมือกางออกทั้งสองข้างเพื่อแสดงความยิ่งใหญ่ของค้อนโยเนียร์ให้อีกฝ่ายกลัว ถ้าใครได้ฟังคำที่เธอพูดก็คงคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่กับเด็กน้อยผมหยักยุ่งมันไม่ใช่เลย

 

 

 

แขนเล็กๆ กระชับตุ๊กตาตัวดังกล่าวแน่นขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าขาวๆ ที่ตอนนี้เริ่มขึ้นสีด้วยความโกรธระคนกลัวก้มต่ำลง ดวงตาเรียวรีมีน้ำใสๆ เอ่อรอบ ริมฝีปากสีแดงสดเม้มเข้าหากันอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ คุณอาของเธอสอนไว้ว่าอย่าแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น และก็ถึงแม้จะกลัวแค่ไหนเธอก็ไม่ยอมยกน้องโลกิให้พี่ธอร์หรอก!

 

 

 

“ไอวิช…ไอวิชไม่ให้ค่ะ!”

 

 

 

“ทำไมเธอดื้อแบบนี้อ้ะ”

 

 

 

เจ้าเด็กตัวโตกว่าพูดพลางยกมือขึ้นเหนือหัว เด็กหญิงไอวิชก้มหน้าหลับตาปี๋ คิดในใจว่าโดนตีแน่เลย

 

 

 

แต่แล้ว…

 

 

 

“อินเดีย! ไอวิช!”

 

 

 

เสียงของครูสาวผมแดงช่วยเธอเอาไว้ ดวงตาเรียวรีค่อยๆ หรี่ตามองไปยังต้นเสียงก็เห็นภาพคุณครูประจำวิชาพละกำลังเดินเข้ามาหา ก่อนไอวิชจะลืมตาเต็มที่ทั้งสองข้าง เมื่อมองไปยังเด็กหญิงผมทองที่ตอนแรกยืนอยู่หน้าเธอ บัดนี้ได้กระดึ๊บมายืนอยู่ข้างๆ เธอแล้วนั้นก็ยืนสงบเสงี่ยมลงเช่นกัน

 

 

 

งานนี้โดนดุอีกแน่ๆ เลย แล้วคุณอาก็จะต้องโกรธไอวิชที่ทำตัวมีปัญหาแบบนี้ ฮื้อ…ไอวิชไม่ผิดนะคะ ก็ไอวิชไม่อยากให้น้องโลกิไปอยู่กับพี่ธอร์นี่นา…

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คริส เฮมส์เวิร์ธกำลังนั่งรออยู่ในห้องรับรองแขกด้วยความกระวนกระวายใจ

 

 

 

ชายหนุ่มผมทองนั่งกอดอกแน่น เรียวขาในกางเกงยีนส์สีเข้มไขว่ห้าง เท้าที่อยู่ด้านบนกระดิกไปมาอย่างคนที่รออะไรสักอย่างนานๆ แล้วออกอาการหงุดหงิดรำคาญใจ

 

 

 

จริงๆ เย็นนี้เขามีนัดซ้อมรักบี้กับเพื่อนร่วมทีม เพราะใกล้จะถึงเวลาแข่งกับทีมจากมหา’ลัยอื่นแล้ว แต่เมื่อบ่ายเขากลับได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่คุ้นเคย ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะปล่อยผ่านไป เพราะคิดว่าคงเป็นเบอร์ของสาวคนไหนสักคนที่ไปเสาะแสวงหาเบอร์โทรศัพท์เขาแล้วคงจะโทรมาชวนไปไหนต่อไหนแน่ๆ แต่พอเสียงดนตรีจากเจ้าเครื่องมือสื่อสารเริ่มดังเป็นรอบที่สองและสาม ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษจึงตัดสินใจรับโทรศัพท์แล้วกะว่าจะปฏิเสธสาวคนนั้นไปดีๆ แบบไม่ให้มีการเสียน้ำตากันเด็ดขาด

 

 

 

แต่ที่ไหนได้…

 

 

 

ดันเป็นเบอร์โทรจากโรงเรียนอนุบาลที่อินเดียเรียนอยู่ และเขาก็ถูกเชิญให้มาพบเนื่องจากอินเดียมีเรื่องทะเลาะกับเพื่อน เขาจะไม่รู้สึกกระวนกระวายใจแบบนี้เลย ถ้าครูสาว (ฟังจากเสียงแล้วเขาคิดว่าน่าจะสาวล่ะนะ) ไม่บอกว่า อินเดียเป็นฝ่ายหาเรื่องเพื่อนก่อนด้วย

 

 

 

โถๆๆ อินเดียของป๊ะป๋า จิ๋กโก๋แต่เด็กเลยเหรอลูก

 

 

 

กระดิกเท้าวนรออยู่ได้สองสามนาที ประตูห้องบานเล็กก็ถูกเปิดออก หญิงสาวผมแดงที่ชายหนุ่มคาดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกับที่โทรหาเขาเดินเข้ามาในห้อง สองมือของเธอถูกจับจองไปด้วยมือเล็กๆ ของเด็กน้อยสองคนคนละข้าง ข้างหนึ่งเป็นน้องอินเดียของเขา หนูน้อยผมน้ำตาลบลอนด์ทองแบบเดียวกับเขาเป๊ะ กำลังใช้มือเล็กๆ กำรอบนิ้วชี้ของครูสาวผมแดงแน่น ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยอีกคนที่ดูจะตัวเล็กกว่าอินเดีย เธอก็กำนิ้วชี้อีกข้างของคุณครูแน่นเช่นกัน

 

 

 

เด็กผู้หญิงผมสีน้ำตาลยุ่งๆ นี่คือคู่กรณีของอินเดียสินะ

 

 

 

“อินเดีย!”

 

 

 

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนจากโซฟาที่นั่งอยู่ แล้วนั่งย่อเข่าลงกับพื้น แขนแกร่งแบบนักกีฬากางออกกว้าง พอเจ้าของชื่อได้ยินดังนั้น มือเล็กก็ปล่อยนิ้วชี้คุณครูทันที ขาสั้นๆ วิ่งสับอย่างรวดเร็วก่อนจะกระโดดเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มตัวใหญ่

 

 

 

“ป๊ะป๋าขา!”

 

 

 

“ว่าไงน่ะเรา ได้ข่าวว่าไปทำซ่ารังแกเพื่อนเหรอ หืม”

 

 

 

คริสยืดตัวเต็มความสูงดังเดิม ก่อนจะอุ้มเด็กน้อยเอาไว้ด้วยแขนข้างเดียว ซึ่งดูแล้วเหมือนกับยักษ์และคนแคระไม่มีผิด มือใหญ่บีบจมูกเด็กในอ้อมแขนด้วยความมันเขี้ยว

 

 

 

พอได้ยินดังนั้น อินเดีย โรส เฮมส์เวิร์ธก็ปฏิเสธยกใหญ่ หัวกลมส่ายดิกจนผมหน้าม้าสีน้ำตาลบลอนด์กระจุยกระจาย ริมฝีปากเล็กรีบแก้ตัวทันที

 

 

 

“อินเดียเปล่านะคะป๊ะป๋า หนูไม่ได้รังแกเพื่อนน้า ถ้าป๊ะป๋าไม่เชื่อ ถามคุงคูสการ์เล็ตได้เลยค่ะ เนอะคุงคูเนอะ”

 

 

 

ชายหนุ่มผมสีเดียวกับเด็กน้อยเบนหน้าไปมองคุณครูที่ยืนยิ้มน้อยๆ ให้ ชายหนุ่มไม่รู้จะทำตัวยังไงเลยได้แต่ยิ้มตอบไป ดวงตาสีฟ้าใสเหลือบมองไปยังเด็กน้อยตัวเล็กที่ยืนหลบอยู่หลังคุณครูตาเฉี่ยว โผล่เพียงหัวกลมเล็กมาแอบดูเขาเท่านั้น ปากก็บ่นขมุบขมิบพึมพำเป็นคำว่าอะไรสักอย่างซ้ำไปซ้ำมา

 

 

 

หลังจากนั้นคุณครูผมแดงก็เชิญให้คริส เฮมส์เวิร์ธนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ โดยที่บนตักของเขามีหนูน้อยอินเดีย โรสนั่งอยู่บนนั้น มือเล็กคว้ามือใหญ่ของป๊ะป๋าขึ้นมางอนิ้วหักไปมาด้วยความสนุกสนาน ไม่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์อึดอัดที่กำลังก่อตัวขึ้นรอบๆ ร่างใหญ่เลยว่ามันย่ำแย่เพียงใด เพราะสายตาคมเฉี่ยวของคุณครูสการ์เล็ตที่จ้องมองมานั้นให้ความรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ ยังไงไม่รู้

 

 

 

ดวงตาสีฟ้าสวยเหลือบไปมองเก้าอี้ว่างข้างๆ แน่นอนว่าคงเป็นผู้ปกครองของเด็กตัวเล็กที่ชื่อไอวิชเป็นแน่ ชายหนุ่มได้แต่คิดวนไปวนมาในใจว่าจะเอ่ยขอโทษอย่างไรดี ดูเหมือนว่าการทะเลาะกันครั้งนี้จะไม่ร้ายแรงอะไรนัก เขาแอบลอบมองสำรวจร่างกายเด็กน้อยแล้วว่าไม่ได้มีบาดแผลอะไร คงเพราะอินเดียแค่พูดขู่เฉยๆ (มีผลักกันนิดๆ หน่อยๆ แต่เขาไม่อยากยอมรับว่าอินเดียของเขาจะก้าวร้าวแบบนี้ อะฮื้อ) แต่ที่เขาถูกเรียกมาในวันนี้ก็เพราะไอ้คำขู่นี่แหละที่เด็กหญิงมักใช้พูดไปทั่วเวลาที่ไม่ได้ดั่งใจ

 

 

 

เธอชอบขู่เพื่อนว่า ป๊ะป๋าของเธอเป็นเทพเจ้าสายฟ้า! โธ่…อินเดีย ป๊ะป๋าก็แค่หล่อเหมือนนักแสดงฮอลลีวูดคนนั้นเฉยๆ ป๊ะป๋าไม่ได้เป็นเทพเจ้าอะไรเลยลูก

 

 

 

ความเงียบงันโรยตัวอยู่นาน เพราะคุณครูสาวไม่ได้พูดอะไรต่อ เอ่ยเพียงแต่ว่าให้รอผู้ปกครองของน้องไอวิชมาก่อนแล้วค่อยคุยทีเดียว ส่วนเด็กหญิงคู่กรณีก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร นอกจากนั่งก้มหน้ากอดตุ๊กตาผ้าหัวเหม่งในผ้าคลุมสีเขียวแน่น มองดูก็รู้ว่าทำไมอินเดียของเขาถึงเลือกขู่เด็กหญิงคนนี้

 

 

 

ก็เพราะเด็กที่ชื่อไอวิชเล่นตุ๊กตาโลกิน่ะสิ!

 

 

 

จริงๆ เขาก็ผิดเองแหละที่ไปพูดกรอกหูอินเดียด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการว่า ธอร์ต้องคู่กับโลกิ และโลกิก็ต้องคู่กับธอร์ แยกคู่กันไม่ได้เด็ดขาด เด็กน้อยคงจำฝังใจมาตลอด พอเห็นธอร์หรือโลกิแบบเดี่ยวๆ เมื่อไหร่ เธอเลยต้องจับให้มาอยู่คู่กันทันที

 

 

 

และก็ไม่ใช่แค่อินเดียคนเดียวที่คิดแบบนั้น

 

 

 

เพราะดูเหมือนว่าเด็กที่ชื่อไอวิชก็คิดว่าเขาเป็นเทพเจ้าสายฟ้าแห่งหนังมาร์เวลเหมือนกัน! ทำไมเขาถึงรู้น่ะเหรอ? ก็เด็กคนนั้นก้มหน้าก้มตา ไม่ยอมสบตาเขาเลย แล้วก็เอาแต่บ่นพึมพำว่า ‘พี่ธอร์จริงๆ ด้วย’ ให้ตายสิ! นี่เขาจะเหมือนดาราคนนั้นขนาดนั้นเลยรึ?

 

 

 

เฮ้อ…นี่ล่ะนะ เขาถึงบอกว่าเด็กๆ เปรียบเสมือนผ้าขาว ที่ผู้ใหญ่ระบายสีอะไรลงไปก็จะกลายเป็นสีนั้น

 

 

 

แล้วไอ้สีที่เขาระบายลงไปมันดันกลายเป็นสีม่วงๆ ซะด้วย! อะฮื้อ…

 

 

 

มือใหญ่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา นี่ก็เลยเวลานัดมาพอสมควรแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับยังไม่มาเสียที สงสัยเขาต้องส่งข้อความไปบอกคนตัวบางที่ห้องแล้วมั้งว่า วันนี้คงกลับช้านิดหน่อย เพราะดูท่าน่าจะเคลียร์กันยาวอยู่

 

 

 

แต่แล้วก็เหมือนใจตรงกัน เพราะจู่ๆ ก็มีข้อความจากคนที่กำลังคิดถึงถูกส่งเข้ามาพอดี ชายหนุ่มรีบใช้นิ้วโป้งสไลด์หน้าจอเพื่ออ่านข้อความทันทีด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม ก่อนจะเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ วันนี้ทอมก็บอกว่าจะกลับห้องช้าเหมือนกัน แถมยังบอกว่าไม่ต้องทำอาหารเผื่อด้วย จะทานข้างนอกก่อนกลับ

 

 

 

แปลกจัง…คนน่ารักของเขามีธุระอะไรกะทันหัน หรือว่าจะไปดินเนอร์กับเบนอีกแล้ว ให้ตายสิ สองคนนี้จะสนิทกันมากเกินไปแล้วนะ นี่ถ้าไม่ติดว่าเบเนดิกต์คอยตามเทียวไล้เทียวขื่อศาสตราจารย์ตัวเล็กอยู่ล่ะก็…เขาก็คงคิดว่าสองคนนี้กิ๊กกั๊กกันแหงๆ

 

 

 

ผัวะ!

 

 

 

เสียงประตูถูกเปิดออกโดยไร้สัญญาณการเคาะใดๆ คริส เฮมส์เวิร์ธที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้นถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันขวับไปตามต้นเสียงโดยทันที และภาพที่เห็นก็ทำเอาเขาแทบช็อก

 

 

 

“ขอโทษที่มาช้าครับ…”

 

 

 

“คุณอาทอม!”

 

 

 

ร่างบางที่เขากำลังคิดถึงยืนก้มหลังเล็กน้อย พร้อมกับเอามือเท้าหัวเข่าไว้ ไหล่เล็กๆ ไหวขึ้นลงแสดงอาการเหนื่อยหอบจากการรีบเร่งมาให้ถึงที่นี่อย่างเร็ว

 

 

 

อย่าบอกนะว่า…ทอมเป็นผู้ปกครองของเด็กที่ชื่อไอวิช!

 

 

 

 

 

To be Continue…

 

 

 

 

 

Talk again : มาแบบเลทมากๆ T^T แต่ยังไงก็สุขสันต์วันเกิดไอวิช น้องสาวสุดน่ารักน่าแกล้ง นี่เป็นแค่การฉีกกระดาษห่อของขวัญกับดึงโบออกแล้วก็เห็นสีกล่อง ยังไม่เจอของขวัญข้างในเลย รอไปก่อนนะ อะเฮะะะะ *อ้อนๆ*

 

ซีรีส์นี้เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล “Little boy the series” เช่นเดียวกับเรื่องของยูจีน แต่ยูจีนจะเป็นก้างของคู่พี่เบนกับศาสตราจารย์ และเราก็เลยถีบ(?)ไอวิชให้กลายเป็นก้างของคู่พี่คริสกับพี่ทอมซะ อุวะฮะฮะฮ่า…

 

ตอนต่อไปไม่รู้จะมาเมื่อไหร่ T^T ไม่อยากสัญญาเลย เพราะกลัวทำไม่ได้ แง้…เอาเป็นว่าจะพยายามปั่นให้เร็วที่สุดนะคะนะคะ

 

ป.ล. เมื่อไหร่พี่มิราจะออกโรง? (เขียนเองก็อยากรู้เอง ฮ่าาา)